Kamikochi and the secret seasons・ คามิโคจิกับฤดูแห่งความลับ

เชื่อว่าในตอนนี้เพื่อน ๆ หลายคนน่าจะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อของคามิโคจิ (Kamikochi) มากันพอสมควรแล้วนะครับ อาจจะทั้งเคยมาเอง หรือมีแพลนเอาไว้แล้วแต่ยังไม่ได้มา เพราะว่าที่นี่ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางมาได้ไม่ยากมากจากทั้งฝั่งโตเกียวและโอซากะ มีรถสาธารณะให้บริการเยอะมาก ๆ แต่ผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะมีน้อยคนที่ได้เดินทางมาเที่ยวที่นี่ในวันที่ที่นี่ปิด !! เอ้าา ถ้าปิดแล้วจะมาทำไม วันนี้ผมเลยจะขอพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวกันในฤดูแห่งความลับของคามิโคจิครับ

รูปหน้าปก

ฤดูที่นิยมมากที่สุดของคามิโคจิ ที่อยู่ใน bucket list ของเพื่อนก็น่าจะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือฤดูใบไม้ร่วง ที่แทบทั้งภูเขาเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีส้มอมแดง อากาศเย็นๆหนาวๆนิดๆ ถ่ายรูปได้สวยสุดๆ รองลงมาก็คงจะเป็นฤดูใบไม้ผลิที่จะสามารถมาสัมผัสกับสีเขียวสดใหม่ของต้นไม้ที่แตกใบออกมาหลังจากที่หิมะละลาย และสุดท้ายก็คงจะเป็นฤดูร้อน เพราะอากาศที่เย็นสบายตลอดปี เลยกลายเป็นที่หลบร้อนทั้งจากไทยและญี่ปุ่นได้ดีสุดๆ ส่วนฤดูหนาวนั้นเป็นเหมือนฤดูที่ให้ธรรมชาติได้พักผ่อน เพราะว่าร้านค้าด้านในปิดหมด แถมไม่มีรถให้บริการอีกด้วย

เว็บไซต์หลักของ คามิโคจิ นั้นบอกว่า เปิดให้เข้าในช่วง 14 เมษา – 14 พฤจิกา ทำให้หลายๆคนคิดว่าเราจะไม่สามารถเข้าไปเที่ยวได้ในช่วง 15 พฤจิกา – 13 เมษา แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถเข้าไปได้ครับ ( ไม่ได้ลักลอบเข้าไปด้วยนะครับ 😛 ) ส่วนจะไปยังไงนั้นตามผมมาได้เลย

ทางเดินที่เต็มไปด้วยหิมะ

สาเหตุที่คามิโคจิปิดในฤดูหนาวนั้นก็เพราะว่าถนนและทางเดินนั้นจะเต็มไปด้วยหิมะ ทำให้ไม่สามารถที่จะนำรถยนต์เข้ามาได้ แต่เราสามารถเดินเข้าไปได้ !! แถมไกด์ที่พาเรามาก็ให้ข้อมูลว่ามีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนมากกว่า 10,000 คนต่อปีเลย ทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในวันที่เราไปก็มีเจออีกหลายกลุ่มเลย ได้เจอน้องนักเรียนชั้นประถมที่มาทัศนศึกษาด้วย

ทริปนี้เราเดินทางมากันในวันที่ 14 มีนาคม และทริปนี้ถือเป็นทริปแรกที่ได้มาเที่ยวกับคุณโน เจ้าของบล็อก Jpsimplelife หลังจากวางแผนเที่ยว แล้วทริปล่มไปหลายครั้ง 😂 แต่รอบนึ้ไม่พลาดแล้วครับ

——————————-

เรามาเริ่มกันที่การเดินทางมาที่นี่กันก่อน ในช่วงที่ปิดนี้รถยนต์จะไม่สามารถเข้าไปได้ตามปกติ ทำให้เราต้องเดินจากอุโมงค์ทางเข้า ก็คือบริเวณร้าน Nakanoyu Shop ที่นี่เป็นร้านขายของ แต่ไม่ได้แวะเข้าไปเลยไม่รู้ว่ามีอะไรขายบ้าง

ร้าน Nakanoyu

ที่บริเวณนี้ก่อนที่จะเดินเข้าไปก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยให้ข้อมูลด้วย เช่น เวลาเปิดปิดประตู ข้อควรระวัง แผนการเดินทาง ก่อนที่จะเข้าไปก็อย่าลืมไปบอกเจ้าหน้าที่ก่อนด้วยนะว่ามากันกี่คน จะเข้าไปแล้วออกมาประมาณกี่โมง ส่วนของผมนั้นไกด์จัดการให้ทั้งหมดครับ

ระยะทางจากจุดนี้ไปถึงบึงไทโช (Taisho Pond) 3.1 กิโลเมตร หรือถ้าจะไปให้ถึงสะพานกัปปะ (Kappa Bridge) ก็จะมีระยะทาง 6.1 กิโลเมตรครับ (สามารถเดินไปถึงสะพานกัปปะแล้วออกมาได้ภายในครึ่งวัน)

เราจะเริ่มกันด้วยวิธีที่จะมายังจุดนี้ ซึ่งมีอยู่ 2 วิธี

  1. ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ต้องจอดรถที่จุดจอดรถที่ใกล้ที่สุดที่ 4th Sawando Parking (Iwami taira) さわんど第4駐車場(岩見平))ครับ บางทีในช่วงนี้จะมีแท็กซี่จอดรอและพาเราไปส่งที่ปากทางเข้าเลย ค่าใช้จ่ายน่าจะประมาณ 2,000-3,000 เยนครับ ไม่มั่นใจว่ามีรถเยอะแค่ไหน  เพื่อความชัวร์แนะนำให้โทรจองก่อนที่จะมา หรือมาแล้วก็โทรเรียกมารับก็ได้ครับ ส่วนขากลับนั้นก็สามารถขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่บริเวณทางเข้าได้เลย ในตอนที่ผมออกมานั้นมีจอดรออยู่ 3 คัน
แมพลานจอดรถ

2. ซื้อทัวร์กับโรงแรมที่พัก หรือบริษัททัวร์แล้วให้พาเข้าไป

ในครั้งนี้สมาชิกทั้งหมดไม่มีใครมีใบขับขี่เลย ดังนั้นเราเลยเลือกทางที่ 2 ครับ และจองเป็นทัวร์ส่วนตัวครึ่งวัน (3-4 ชั่วโมง) ค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 เยนต่อกรุ๊ปไม่เกิน6คน ( ค่ารถรับส่ง ค่าไกด์ และค่าเช่ารองเท้าสำหรับเดินบนหิมะ รวมอยู่ในค่าบริการนี้ครับ ) เราเลือกทัวร์ของ Guest house Raicho ที่เราพักในคืนก่อนหน้า เพราะจะได้สามารถออกจากที่พักในตอนเช้าได้ง่ายไม่ต้องเดินทางไปจุดนัดพบ (มีทัวร์ที่ไปกับแขกคนอื่นด้วย ถ้ามา1-2คน ก็แนะนำเป็นจองแบบนี้ เพราะว่าราคาถูกกว่า) มีอีกหลายที่ให้เลือกแต่ราคาและตารางเวลาก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่

ต่อมาก็จะเป็นเรื่องของการเตรียมตัวก่อนที่จะออกเดินทาง

อุปกรณ์ที่จำเป็น

  1. รองเท้าสำหรับเดินบนหิมะ ( snow shoe ) หรือจะใช้หนามๆที่ติดใต้รองเท้าก็ได้เช่นกัน : ถ้าเป็นจุดที่หิมะไม่หนามากก็สามารถที่จะเดินได้นะ ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริม แต่บางจุดนี่จมแน่นอน
  2. รองเท้าที่กันน้ำได้ : ถ้าไม่แคร์ว่าเท้าจะเปียกรึเปล่า รองเท้าผ้าใบธรรมดาก็น่าจะได้อยู่ แต่ถ้ามากับทัวร์คิดว่าน่าจะไม่ยอมครับ บังคับเช่าของเพิ่มแน่ๆ
  3. แว่นกันแดดหรือแว่นเล่นสกี : ถ้าวันที่แดดไม่แรงก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่
  4. เสื้อผ้ากันลมกันน้ำและถุงมือ : ขึ้นอยู่กับว่าทนหนาวได้แค่ไหน ในวันที่ผมไปนั้นอากาศอยู่ที่ประมาณ 2 องศา ลมค่อนข้างแรง ตัวผมใส่เสื้อดาวน์+โค้ทกันลมอีก 1 ตัว ก็เอาอยู่ครับ 
  5. ไฟฉาย : ใช้เป็นแบบมือถือหรือคาดหัวก็ได้ ภายในอุโมงค์มีทั้งจุดที่มีไฟและไม่มีไฟ 
  6. ไม้เทรค : ถามไกด์แล้ว ไกด์บอกว่าไม่จำเป็นครับ เพราะหิมะไม่ได้หนาขนาดนั้น ถ้ามาช่วง มค กพ น่าจะต้องใช้ครับ

เอาละครับ เตรียมตัวกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกเดินทาง ~

เดินทางไปคามิโคจิ

พวกเราออกจากที่เกสต์เฮ้าส์ประมาณ 8:30 ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็มาถึงอุโมงค์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรา เดินกันกลางถนนได้เลยเพราะว่ารถยนต์เข้ามาไม่ได้ (แต่ก็เห็นมีรถจอดอยู่ภายในบ้าง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า น่าจะมีบริการรับส่งซักหน่อยนะ)

ภายในอุโมง

สำหรับคนที่เคยมาแล้ว จะรู้ว่าจะต้องผ่านอุโมงค์2อุโมงค์ก่อน ถึงจะได้เจอกันบึงไทโช ภายในอุโมงค์มีทั้งจุดที่มีไฟและไม่มีไฟเลย แถมลมพัดแรงมากๆ เหมือนกำลังเดินอยู่ในท่อแอร์ หนาวกว่าข้างนอกก็ในอุโมงค์นี่แหละ ❄️🥶

รอยต่ออุโมงค์1และ2

หลังจากที่เดินขึ้นเนินในอุโมงค์ที่ 1 ประมาณ 1.3กิโลเมตร (ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) เราก็จะได้เห็นแสงธรรมชาติในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วก็จะต้องเดินเข้าอุโมงค์คามิโคจิ (อุโมงที่สอง) กันต่อครับ

อุโมงที่สอง มีระยะทางประมาณ 600 เมตร สั้นกว่าอุโมงแรกครึ่งนึง (ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) เท่านั้น พอเดินพ้นออกมาแล้วก็จะเจอกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์พร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไป

ทางเดินหลังอุโมงค์ที่สอง

เดินไปอีกซักนิดประมาณ 1 กิโล ก็จะถึงจุดพักแรก

วิวบึงไทโช

เห็นภาพแบบนี้แล้วพอจำกันได้มั้ยครับ ตรงนี้ก็คือบึงไทโชนั่นเองครับ (ใช้เวลาไปประมาณ 1ชั่วโมง นับตั้งแต่ทางเข้า)

บึงไทโชพร้อมเทือกเขา

ในตอนที่มาถึงนี่ สภาพอากาศไม่เป็นใจเลยครับ เมฆหมอกเยอะมาก มองไม่เห็นภูเขา และตรงนี้ก็จะมีห้องน้ำที่สามารถใช้ได้อยู่ 1 ห้อง (ห้องอื่นปิดหมด) และอาจจะเพราะว่าเป็นวันที่ปิดทำการ ทำให้ไม่มีคนมาดูแล แถมเรายังมากันช่วงปลายฤดูกาล กลิ่นของห้องน้ำนี่สุด ๆ ไปเลยครับ รีบเข้ารีบออกกันนะทุกคน

รองเท้าหิมะ

และจากจุดนี้ไปเราก็จะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยกันแล้วครับ รองเท้าสำหรับเดินบนหิมะที่ไกด์แบกมาให้นั่นเอง

วิวที่บึงไทโช

เดินจากจุดพักลงมาริมน้ำนิดนึงก็จะเจอกับวิวนี้ครับ จะเห็นว่าฟ้าเริ่มเปิดมากขึ้นเพราะว่าลมพัดแรงมาก เมฆลอยขยับไปทางขวามากขึ้น ทำให้มีลุ้นขึ้นมานิดนึงว่าจะได้เห็นทั้งฟ้าสีฟ้าที่คามิโคจินี้

คุณโนกับไกด์

เดินกันต่อ ช่วงนี้คุณโนกับไกด์ก็คุยกันตลอดทาง ทิ้งผมกับอีก2คน ถ่ายรูปรั้งท้าย แล้วก็หันมามองเป็นระยะ ๆ เป็นการส่งสัญญาณว่ารีบๆเดินมาได้แล้ว

ทางเดินในคามิโคจิ

จากบึงไทโช เราก็จะไปต่อที่ บึงทะชิโระ (Tashiro Pond) ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร สำหรับคนที่เคยมาเดินที่นี่แล้ว ก็คงจะพอจำราวกั้นตรงนี้ได้ ซึ่งตอนนี้หิมะถมจนทำให้เราเดินอยู่เหนือราวเลยครับ

เดินบนหิมะที่สูงกว่าราวกั้น

ตรงนี้ไกด์แนะนำว่าให้เดินตรงกลางเพราะว่าหิมะจะแน่นกว่าบริเวณขอบ ๆ แต่ถึงจะเตือนแล้วผมก็ยังเดินล้มตกขอบไปรอบนึง แต่ยังดีที่ไม่ตกลงไปในน้ำ

ลิงบนต้นไม้

และเมื่อที่นี่ปิด ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา สัตว์ป่าในบริเวณนี้ก็จะออกมาหาอาหารกันเยอะขึ้นครับ กวางเอย ลิงเอย แถวๆแม่น้ำที่พวกเราเดินผ่านนี่ เจอลิงออกมาเดินเล่นกันเยอะมาก รอยเท้าเต็มไปหมด ส่วนภาพนี้ไม่รู้ว่าไปกวนเวลาสวีทของคุณลิงตัวนี้รึเปล่า ทำหน้าหาเรื่องกันสุด ๆ

ภาพบริเวณแม่น้ำ

หลังจากเดินเลียบแม่น้ำแล้วก็กลับมาเข้าป่ากันต่อ

เดินในป่า

พรมหิมะในป่าสน(รึเปล่า) สีขาวตัดกับน้ำตาลและสีเขียว สวยจนอยากเดินเล่นอยู่แถวนี้ทั้งวันไปเลย (รูปนี้เสื้อคุณโนเด่นสุด สวยสุด)

คุณโนอีกรูป

จุดนี้แสงสาดลงมาสวยมาก และแน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะเก็บรูปมาฝากครับ

ท่อนไม้คิริน

เดินพ้นป่าออกมาอีก จะเห็นกิ่งไม้ที่มีเชือกขึงล้อมรอบ อันนี้ที่ไกด์เรียกว่า คิรินเอดะ หรือ กิ่งไม้ที่คล้ายตัวคิริน ก็คือใกล้จะถึงบึงทะชิโระแล้วครับ (ไม่เคยสังเกตุเลยในรอบก่อน ๆ ที่เคยมา)

บึงไทชิโระ

เลยจากจุดนั้นมาอีกไม่ไกล ก็จะถึงบึงทะชิโระ (จากจุดเริ่มต้น ใช้เวลาไปทั้งหมด ประมาณ 2 ชั่วโมง) ทำให้เราไม่สามารถที่จะเดินกันไปต่อให้ถึงสะพานกัปปะครับ (เสียดายมากๆ) ไม่งั้นกลับไม่ทัน น่าจะเพราะแวะถ่ายรูปกันนานไปหน่อย 🙈

ตรงจุดนี้เราก็มานั่งพักกันนิดนึง ทานขนม ดื่มน้ำ (น้ำที่ไหลอยู่ก็ใสมาก ไกด์บอกว่าลองดื่มได้นะ) ก่อนที่จะเดินกลับ

วิวภูเขาจากบึงไทชิโระ

ที่บึงทะชิโระนี้วิวภูเขาด้านบนสวยมากๆ ขาวแบบขาวสุด อยากที่จะขึ้นไปเดินตรงนั้นดูเลยครับ

ขากลับเราก็เดินกันอีกทางนึง ได้รูปกันอีกเยอะมาก แวะกันตลอดเวลา

ภาพคุณโนกับวิวภูเขา ที่คามิโคจิ
วิวบึงไทโชขากลับ

แล้วเราก็เดินกลับมาถึงวิวบึงไทโชอีกครั้ง ตอนนี้ฟ้าเริ่มเปิดเยอะขึ้นแล้ว หลังจากปรึกษาและเชคเวลากับไกด์ พวกเราเลยมารอกันอีกนิดนึง เพราะยังพอมีเวลา ไหนๆก็มาถึงนี่กันแล้ว

และในที่สุดเราก็ได้ ลมก็พัดก้อนเมฆส่วนใหญ่ออกไป เผยให้เห็นวิวที่พวกเราอยากเห็นกันมากที่สุด เสียดายนิดนึงที่ถ่ายไม่ทันตอนที่น้ำนิ่งแล้วสะท้อนภาพภูเขา

ภาพวิวจากบึงไทโช คามิโคจิในฤดูหนาว ฤดูแห่งความลับ

จากนั้นเราก็ต้องเดินกลับกันจริงๆแล้ว เพราะว่าเลยเวลาที่กำหนดแล้ว

ขากลับบริเวณอุโมงคามิโคจิ

พอเดินพ้นอุโมงค์คามิโคจิมาก็ ถ้าสังเกตุกันดีๆ เทียบกับภาพตอนแรกที่มาถึง หิมะที่พื้นละลายหายไปหมดแล้วครับ เร็วมาก ๆ อาจจะเพราะวันนี้แดดแรงสุดๆ แล้วคงต้องขอลาไปกับวิวสุดท้ายก่อนที่จะเข้าอุโมงค์ที่ 1 เพื่อกลับไปขึ้นรถครับ

ภาพวิวภูเขาจากอุโมงค์คามิโคจิ

แม้ว่าในฤดูหนาว นั้นจะเป็นการมาเที่ยวคามิโคจิที่ลำบากซักหน่อย แต่ผมก็เชื่อว่าคุ้มมาก ๆ ค่าเข้าก็ไม่เสีย คนก็น้อย ได้ประสบการณ์การเดินบนหิมะอีกด้วยนะ (แต่เหนื่อยอยู่ ขอคิดก่อนว่าจะมาอีกดีมั้ย 555) ถ้าเพื่อนๆที่อยากจะมาเที่ยวที่นี่ อย่าลืมแชร์บทความนี้ไปให้เพื่อนอ่าน แล้วชวนเข้าทีมมาลุยที่นี่กันดูนะครับ (ถูกกว่า อิอิ) สวัสดีครับ

—————————

ข้อมูลเพิ่มเติม

Kamikochi
上高地

Matsumoto, Nagano 390-1516
〒390-1516 長野県松本市

เวลาเปิดทำการ : 14เมษา – 14พฤจิกา
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชม

พูดคุย แลกเปลี่ยน เรื่องที่เที่ยวและของกินกับผม ได้ที่

IG : BEARCAT.K
HTTPS://WWW.INSTAGRAM.COM/BEARCAT.K/

อ่านเรื่องราวต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ https://www.jpsimplelife.com/เที่ยวญี่ปุ่น