เมื่อฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวที่อิวาเตะ EP 2

Bridesmaid on Duty เล่าประสบการณ์ครั้งแรกและ (น่าจะ) ครั้งเดียวในชีวิตกับการทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวที่ญี่ปุ่น 

ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่หนึ่ง สามารถอ่านพาร์ทเตรียมตัวไปงานแต่งและก่อนถึงงานแต่งได้ที่ EP1

EP 2: ไปร่วมงานแต่งกันเถอะ

งานแต่งงานของโนโซมิและโชเฮจัดขึ้นในเช้าวันอาทิตย์กลางเดือนกรกฎาคม ที่โรงแรม Hotel City Plaza Kitakami งานพิธีเริ่มในตอนเที่ยงตรง ส่วนช่วงเช้าจะเป็นการถ่ายรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาวกับครอบครัวและเพื่อนสนิทค่ะ 

สถานที่ถ่ายรูปเป็นจุดชมวิวแม่น้ำคิตะคามิของโรงแรม พอเราขึ้นลิฟต์มาถึงก็เจอกับโนโซมิและโชเฮในชุดแบบญี่ปุ่น สำหรับคู่นี้ชุดมีความพิเศษตรงที่ฝั่งเจ้าบ่าวเป็นชุดที่คุณยายเจ้าสาวสั่งทำให้เป็นของขวัญ ส่วนชุดกิโมโนของเจ้าสาวเป็นสีชมพูอ่อนสวยงามที่สุด และยังเป็นชุดที่คุณตาของโนโซมิสั่งทำไว้ก่อนท่านจะจากโลกนี้ไปด้วยค่ะ คิดว่าวันนั้นคุณตาของโนคงกำลังมองดูงานแต่งของหลานสาวจากบนฟ้าอย่างมีความสุขแน่ๆ เลยเนอะ

หลังจากถ่ายรูปแล้วเราก็มีเวลาอีกนิดหน่อยก่อนถึงงาน เลยคุยกับออแกไนเซอร์ว่าจะขอซ้อมร้องเพลงบนเวทีก่อนได้หรือเปล่า ซึ่งทางนั้นก็โอเคและให้เวลาเราสิบนาทีค่ะ ระหว่างนั้นด้านในห้องจัดงานกำลังจัดเตรียมงานขั้นสุดท้ายกันอยู่ ทั้งจัดโต๊ะ วางดอกไม้ ดูความเรียบร้อย เราได้ซ้อมเป็นเวลาสิบนาทีเป๊ะๆ (ความจริงเกินมานิดหน่อย ซึ่งทางออแกไนเซอร์ก็ทำทีดูนาฬิกาเป็นการเตือนเราแบบอ้อมๆ สมกับเป็นคนญี่ปุ่นนนนน) 

ตอนใกล้เที่ยงแขกก็เริ่มทยอยเข้างานมา โดยตรงด้านหน้าจะมีโต๊ะ Reception แบบเรียบๆ มีถาดไม้สีดำให้แขกวางซองเงินของขวัญ บัตรเชิญเข้าร่วมงาน เข็มกลัดผ้ารูปดอกไม้ซึ่งเป็นของชำร่วย และที่สำคัญที่สุดคือป้ายนามสกุลเจ้าบ่าวเจ้าสาวเขียนด้วยตัวคันจิสวยงามแขกจะได้ไม่เข้างานผิด

เราก็เพิ่งรู้เมื่อตอนเช้าว่าวันนี้ที่โรงแรมมีจัดงานแต่ง 2 งาน และเจ้าบ่าวดันนามสกุล ‘ทาคาฮาชิ’ เหมือนกัน ที่ตลกไปกว่านั้นก็คือตัวพิธีกรงานแต่ง (ทางออแกไนเซอร์เป็นคนจัดหามาให้) ก็นามสกุล ‘ทาคาฮาชิ’ เหมือนกันไปอีก! จะเรียกว่าบังเอิญหรือว่ายังไงดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าบ่าวงานนู้นหรือคุณพิธีกรงานนี้ก็ไม่ได้เป็นญาติในครอบครัวของโชเฮแต่อย่างใด แค่นามสกุลซ้ำกันเฉยๆ ค่ะ

พอวางซองและรับของที่โต๊ะด้านหน้าแล้วก็เข้าไปนั่งรอที่ห้องรับรองซึ่งมีชาซากุระเตรียมไว้ให้ด้วย แต่ต้องชงเอง เราเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็ชงไม่เป็น คุณยายจุงโกะ คุณยายสุดน่ารักของโนโซมิก็ไปจัดการชงมาให้ ชาซากุระที่ว่าคือดอกซากุระดอง (หมักเกลือ) ใส่น้ำร้อน รสชาติเค็มๆ แล้วก็มีกลิ่นคล้ายๆ ซากุระโมจิค่ะ เป็นอะไรที่แปลกดี

พอถึงเวลาก็มีคนมาประกาศเชิญเข้างาน ที่หน้าห้องจัดงานมีโต๊ะวางรูปถ่ายของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ดอกไม้ในขวดน้ำมันที่เป็นสินค้าใหม่ของร้านดอกไม้ นิตยสาร Daco Thailand ซึ่งเจ้าสาวของเราเขียนคอลัมน์ประจำให้ รวมถึงของขวัญวันแต่งงานจากเพื่อนๆ ด้วยค่ะ เป็นงานที่มินิมอลและน่ารักจริงๆ เห็นแล้วยิ้มเลย ที่หน้าประตูมีโนโซมิและโชเฮในชุดแบบญี่ปุ่นยืนต้อนรับแขกอยู่ แต่ไม่มีถ่ายรูปด้านหน้าเหมือนงานแต่งที่ไทยนะ

ในห้องจัดงานมีโต๊ะกลมปูด้วยผ้าสีขาวประมาณ 8 โต๊ะ โดยแต่ละโต๊ะจะมีป้ายชื่อกำกับไว้เลยว่าใครนั่งโต๊ะไหน แบ่งเป็นโต๊ะครอบครัว โต๊ะเพื่อนสมัยมัธยมปลาย เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย สำหรับเรากับแจนนั่งโต๊ะเดียวกับกลุ่มเพื่อนสนิทของโชเฮ กับคุณลุงหน้าตาใจดีที่ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นใครได้แต่ยิ้มทักทายกันไปตามมารยาท และอีกหนึ่งคนเป็นเพื่อนคนญี่ปุ่นของเจ้าสาว ชื่อว่าซาโอริ เพิ่งเดินทางมาจากโตเกียวเมื่อเช้านี้เอง ซาโอริเธอพูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ ก็เลยรับหน้าที่เป็นคนแปลให้เราไปโดยปริยายค่ะ ใจดีที่สุด!

งานเริ่มขึ้นด้วยการปรากฏตัวของเจ้าบ่าวเจ้าสาว มีเพลงเพราะๆ เปิดนำและโนโซมิกับโชเฮก็เดินกางร่มแบบญี่ปุ่นเข้ามาในห้องจัดงาน โค้งให้แขกหนึ่งครั้ง แล้วก็เดินขึ้นไปบนเวทีด้านหน้าที่มีโต๊ะสี่เหลี่ยมปูผ้าสีขาวและจัดดอกไม้ไว้อย่างสวยงาม

หลังจากนั้นพิธีกรก็จะเริ่มแนะนำตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว ว่าชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ แนะนำครอบครัว มีพี่น้องกี่คน เรียนจบที่ไหน ทำงานที่ไหน กี่ปี ฯลฯ ละเอียดมากๆ ส่วนใครฟังไม่ทันก็อ่านในบัตรเชิญเข้างานได้เช่นกัน โดยตั้งแต่เดินเข้างานมาจนถึงโต๊ะจะมีผู้ช่วยจากออแกไนเซอร์ทั้งฝั่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวช่วยกำกับคิวให้ทุกอย่าง ดูเป็นทางการกว่างานที่ไทยเยอะเลย

หลังแนะนำตัวเสร็จ ก็เป็นช่วงทานข้าวค่ะ (ถึงมื้อกลางวันพอดี) อาหารในงานแต่งจัดมาอย่างสวยงามดูญี่ปุ๊นนนญี่ปุ่น โดยในช่วงเตรียมงาน พอคอนเฟิร์มจำนวนแขกได้แล้ว ทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะสอบถามแขกไว้ล่วงหน้าด้วยว่าใครแพ้อาหารอะไรหรือเปล่า อย่างเราไม่ทานเนื้อวัว แจนไม่ทานอาหารทะเล อาหารที่จัดไว้ให้ที่โต๊ะก็จะไม่เหมือนกันค่ะ จานที่เราประทับใจที่สุดก็คือซุปใส ซึ่งมีสาหร่ายตัดเป็นตัวคันจิ 寿 ที่แปลว่า ‘ยินดี’ ตอนยกมาเสิร์ฟนี่ก็แอบคิดในใจว่าเขาใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอนจริงๆ เลยนะเนี่ย

ในช่วงทานข้าวคุณแม่ของเจ้าบ่าวก็เดินมารินเบียร์หรือน้ำชาขอบคุณแขกทีละคนจนมาถึงโต๊ะของเรา ตอนนั้นแอบตื่นเต้นนิดๆ เพราะถึงจะเคยเจอคุณแม่โชเฮในงานที่ไทยเมื่อต้นปีมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยคุยกันอยู่ดี เราพูดขอบคุณเป็นภาษาญี่ปุ่นและท่องไปตามสคริปต์ว่า ‘Nozomi-san wo yoroshiku onegaishimasu’ ฝากเพื่อนของหนูเป็นสะใภ้ด้วยนะคะคุณแม่โชเฮ 

คุณลุงประธานบริษัท และคุณแม่ของโชเฮที่มารินชาพร้อมกล่าวขอบคุณ

ในตอนนั้นเองเราถึงได้รู้ว่าคุณลุงแปลกหน้าที่นั่งข้างเรามาทั้งงานนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นประธานบริษัทที่โชเฮเคยทำงานด้วยสมัยอยู่โตเกียวนั่นเองค่ะ อื้อหือออ ตายละฉันนั่งข้างท่านประธานแหละ!! เกร็งขึ้นมาเลยทีเดียว แต่คุณลุงก็ใจดีพยายามหาเรื่องคุยกับเราไปด้วย (โดยมีซาโอริช่วยเป็นล่ามเฉพาะกิจ) 

ระหว่างที่แขกทานข้าว เจ้าบ่าวเจ้าสาวบนเวทีก็ทานข้าวไปด้วยพร้อมกัน โดยจะมีกลุ่มเพื่อนๆ พี่น้องสลับกันขึ้นไปบนเวที รินเหล้ารินชา ชนแก้วฉลองให้บ่าวสาว เฮฮากันมากๆ เหมือนเป็นงานคืนสู่เหย้าขนาดย่อมเลยค่ะ ผ่านไปซักพักทีมงานก็จะมาเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปเปลี่ยนชุด เปิดประตูเข้ามาอีกที โชเฮก็อยู่ในชุดสูทเจ้าบ่าว ส่วนโนโซมิใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวผ้าลูกไม้กะโปรงยาวลากพื้น เรียกได้ว่าเปลี่ยนชุดเปลี่ยนทรงผมกันด้วยความเร็วแสง

เปลี่ยนชุดกันแล้ว

สำหรับงานช่วงที่สอง เริ่มด้วยความน่ารักสุดๆ คือจะให้เหล่าหลานๆ ตัวเล็กพากันเดินเอาดอกไม้มาให้พร้อมกับพูดว่า ‘Omedetou’ ยินดีด้วยครับ/ยินดีด้วยค่า แล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะให้ของขวัญกลับไป ตัวเจ้าบ่าวเป็นน้องชายคนสุดท้องเลยมีหลานๆ เดินเอาดอกไม้มาให้ถึง 4 คน เป็นช่วงที่น่ารักมากๆ เลยค่ะ มีอยู่ช่วงนึงหลานตัวเล็กพอรับของขวัญเสร็จก็เดินมาทางเราพอดี อยากจะคุยกับน้องซะหน่อย ถามว่าได้อะไรมาคะ? แต่น้องไม่ยอมคุยกับเราซักคนเลย (/ร้องไห้) สงสัยฟังไม่ออกพี่เค้าพูดว่าอะไรอ่ะฮับหนูงง?

พอหมดช่วงของเด็กๆ ก็มาถึงเวลาที่เรารอคอย แถ่นแทนแท้นนนนนน …ช่วงการแสดงของเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่นเอง

คิวแรกเป็นของทีมเพื่อนเจ้าบ่าวค่ะ เพื่อนสนิทโชเฮทั้ง 4 คนก็ลุกขึ้น เริ่มด้วยการเดินมาสัมภาษณ์เจ้าบ่าวเจ้าสาวกันซักเล็กน้อย เอ๊ะ ทั้งสองคนมาเจอกันได้ยังไงนะ เอาล่ะ ทุกคนคงสงสัยเหมือนกัน งั้นไปรับชม VTR ด้วยกันเลย สาม สอง หนึ่ง! เปิดมาด้วยวีดีโอเพื่อนๆ ที่แกล้งแสดงเป็นโชเฮและโนโซมิตอนได้คุยกันครั้งแรก มีการแซวโนโซมิที่ไหว้ขอพรพระพุทธรูปว่าขอแฟนเป็นคนญี่ปุ่นนะคะท่าน จนมาจบที่การแสดงเต้น

ตอนแรกเต้นกันแค่เพื่อนเจ้าบ่าว 4 คน ไปๆ มาๆ เจ้าบ่าวบนเวทีก็วิ่งไปร่วมวงเต้นกับเพื่อนด้วย เซอร์ไพรซ์เจ้าสาวไปอีก! โอ้โห เล่นใหญ่ที่สุด! 

จบการแสดงสุดเซอร์ไพรซ์ด้วยความประทับใจ แล้วก็มาถึงคิวของเพื่อนเจ้าสาวตัวแทนจากประเทศไทยค่ะ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ! (/ตีกลองเรียกขวัญกำลังใจตัวเอง) ทางพิธีกรก็แนะนำตัวให้ก่อนว่าเราสองคนชื่ออะไร เป็นเพื่อนกับโนโซมิตั้งแต่สมัยประถมกับมัธยมปลายต่อมาจนถึงตอนนี้ แถมบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศไทยด้วยนะ จากนั้นก็ถึงช่วงสุนทรพจน์ของเราสองคนค่ะ

แจนเริ่มพูดด้วยภาษาไทยก่อน แล้วเราก็รับไมค์พูดแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นต่อ จำได้ว่าตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พูดสปีชภาษาญี่ปุ่นต่อหน้าคนเยอะๆ ไม่รู้ว่าแขกจะฟังรู้เรื่องมั้ย แต่อย่างน้อยเจ้าสาวต้องฟังออกแน่ๆ (เพราะเป็นคนแปลสคริปต์ให้เอง ฮ่าๆๆ) จบสุนทรพจน์ก็ถึงช่วง mini concert ที่เราตั้งใจให้เป็นของขวัญกับเพื่อนรัก ด้วยเพลง ‘เวลาเธอยิ้ม’

ไม่รู้ว่าต้องโตท่ามกลางหมู่ดอกไม้มากมายขนาดไหน

เธอจึงได้ครอบครอง รอยยิ้มที่สวยงามขนาดนี้ 

ย้อนกลับไปตอนที่นั่งเลือกเพลงกัน ตอนนั้นเรากับแจนมีเพลงอยู่ในใจประมาณสองสามเพลง แต่ก็มาสรุปว่าจะเล่นเพลงเวลาเธอยิ้ม เพราะว่าเนื้อเพลงท่อนแรกเหมาะกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวของเรามากๆ ความรักผลิบานด้วยอานุภาพดอกไม้ล้วนๆ ใครอยากทราบว่าโชเฮและโนโซมิพบรักกันตอนไหนเมื่อไหร่ใครเป็นพ่อสื่อ ติดตามได้ที่เพจ Japan Simple Life นะคะ

แน่นอนว่าฝั่งเจ้าบ่าวเขามีเซอร์ไพรซ์ ฝั่งเพื่อนเจ้าสาวเราก็มีเซอร์ไพรซ์เหมือนกัน ก่อนวันงานเราบอกโนโซมิไว้แค่ว่าจะร้องเพลงเวลาเธอยิ้มของ Polycat นะ แต่เราก็ไปแอบแต่งเนื้อร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นแทรกเข้าไปด้วย เป็นเซอร์ไพรซ์เล็กๆ ให้กับเพื่อนรักค่ะ

เนื้อร้องภาษาญี่ปุ่นที่แต่งขึ้นใหม่
君は花畑で成長したの
 こんなにきれいな微笑み持ってる
 誰にも恋をできない
 君に初めて会った一瞬は
 運命のように、ぼくら Love Story
 君と過ごす日々幸せて、誰も入れない
 寂しさがなくなりました
 隣に君がいってくれて、それだけでいい
 全ての星は君がうらやましい
 美しいですから
 楽しい記憶を作ろう
 ずっと一緒にいよう
คำแปลเนื้อร้องภาษาญี่ปุ่น
เธอน่ะ โตมาในทุ่งดอกไม้หรือเปล่านะ 
ถึงได้มีรอยยิ้มที่สวยงามขนาดนี้
วินาทีที่ได้เจอกันครั้งแรก 
ฉันก็ตกหลุมรักใครไม่ได้อีกเลย 
เรื่องราวความรักของเรานั้นราวกับพรหมลิขิต
แค่ได้ใช้ชีวิตในแต่วันไปพร้อมกับเธอ
ฉันก็ไม่ต้องการใครอีก
ความเงียบเหงาได้หายไป 
ขอแค่มีเธออยู่ข้างๆ กัน เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ดวงดาวทั้งฟ้าต่างอิจฉาเธอที่ช่างสวยงาม
เรามาสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน 
และอยู่ข้างกันตลอดไปเลยนะ
 

ความน่ารักของวันนั้นก็คือ เสียงไมค์เกิดดีเลย์เล็กน้อยทำให้เราเผลอร้องคร่อมจังหวะไปในช่วงแรก แขกในงานจึงช่วยกันปรบมือเป็นจังหวะให้กับเราสองคนจนกลับมาร้องเพลงได้ตรงจังหวะ ตอนนั้นเป็นโมเม้นต์ที่ดีและอบอุ่นใจมากๆ สำหรับเรา ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกขอบคุณแขกทุกคนในงาน แล้วก็หวังว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะชอบของขวัญชิ้นนี้จากเราสองคนนะ :–)

จบการแสดงจากเพื่อนๆ ไป เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะเดินถ่ายรูปกับแขกในงานตามโต๊ะ จากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงสุดท้าย ช่วงที่ซึ้งที่สุดของงานค่ะ โดยเป็นช่วงที่เจ้าสาวอ่านจดหมายถึงครอบครัวที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ถ้าดูในรูปจะเห็นว่าโนโซมิพูดพร้อมอ่านกระดาษสคริปต์ไปด้วย แต่ความจริงแล้วเป็นกระดาษเปล่าค่ะ สื่อความหมายว่าเจ้าสาวพูดทุกอย่างมาจากใจมิได้พึ่งสคริปต์ (แต่ตามธรรมเนียมยังไงก็ต้องถือและทำเป็นอ่านอยู่ดี) ช่วงนี้ซึ้งน้ำตาคลอกันทั้งงาน เราเองก็ด้วย ส่วนเจ้าสาวคนพูดนั้นน้ำตาแตกเป็นคนแรก

คุณพ่อของโนโซมิเดินเข้ามากอดลูกสาว คุณพ่อคุณแม่ของโชเฮก็เดินมาด้านหน้าเช่นกันเพื่อโค้งขอบคุณแขกที่มาร่วมงานเป็นการส่งท้าย เป็นอันว่าจบงานพิธีค่ะ

เสร็จพิธีแล้ว แขกก็ทยอยเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง โดยมีบ่าวสาวกับครอบครัวยืนรอมอบของชำร่วยส่งแขกซึ่งเป็นมะม่วงอบแห้งจากประเทศไทย ส่วนเรารอเดินออกไปเป็นคนท้ายๆ ระหว่างนั้นพอหันไปมองรอบห้องก็เห็นว่าทีมงานโรงแรมเข้ามาเก็บโต๊ะเก็บเก้าอี้กันแล้ว

อีกหนึ่งอย่างที่เราเพิ่งรู้ก็คือ พอจบพิธีแขกคนไหนอยากจะขอดอกไม้ที่ประดับในงานกลับบ้านก็เข้าไปหยิบได้เลยค่ะ เราว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะทางโรงแรมเองก็คงไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน จะทิ้งก็เสียดายเปล่าอุตส่าห์ตั้งใจจัดมาอย่างสวยงาม

เราเห็นแจกันบนเวทียังไม่มีใครแตะต้องเลยชวนซาโอริขึ้นไปถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก รอบนี้มางานแต่งเพื่อนรักแล้วเราก็ได้เพื่อนใหม่อีกคนกลับไปด้วย เราได้มีเวลายืนคุยและแลกช่องทางติดต่อกันอีกซักพักซาโอริก็ขอตัวกลับก่อนเพราะใกล้เวลารอบรถไฟกลับโตเกียวของเธอแล้ว

เดินออกมาด้านนอก แขกหลายคนก็ยังรั้งๆ รอๆ ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเสร็จภารกิจแล้วก็มาถ่ายรูปกันที่ล็อบบี้โรงแรม ซึ่งมีโซนสำหรับงานแต่งงานแบบคริสต์ โดยเป็นม้านั่งประดับต้นไม้และซุ้มโค้งสวยงาม ด้านหลังเป็นหน้าต่างกระจกที่ทอดมองวิวแม่น้ำคิตะคามิด้านหลัง เราเองก็ได้รูปถ่ายกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาเป็นที่ระลึกอีกรูป ถือว่าจบงานแต่งงานในวันนี้โดยสมบูรณ์ค่ะ

ประสบการณ์ในวันนั้นกลายเป็นความทรงจำที่พิเศษมากสำหรับเรา โนโซมิเองก็เป็นเพื่อนสนิทคนแรกที่แต่งงาน ตอนแรกก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าเพื่อนจะได้มาเป็นสะใภ้ญี่ปุ่น (ถึงเจ้าตัวจะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นอยู่แล้วก็ตาม) ทำให้เราพลอยได้รับเชิญมางานแต่งงานแบบญี่ปุ่นด้วย ก่อนวันงานเราคิดภาพว่างานแต่งที่ญี่ปุ่นจะต้องเป็นทางการมากๆ ไม่ได้ดูเป็นกันเองเหมือนกับงานที่ไทย แต่พอได้เข้ามาร่วมในงานจริงๆ ถึงได้รู้ว่างานแต่งแบบญี่ปุ่นนี่เฮฮากว่าที่คิดซะอีก แถมยังมีธรรมเนียมอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจและน่าเอามาเล่าสู่กันฟัง เป็นความทรงจำดีๆ ที่เรานึกถึงอยู่เสมอ

สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องราวความรักของโนและโชเฮ รวมถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันของสะใภ้ร้านดอกไม้แห่งอิวาเตะ ไปติดตามกันได้ที่เพจ Japan Simple Life – เมื่อฉันมาอยู่ญี่ปุ่น

แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ <3