เที่ยวเพลินไปกับ 20 งานอาร์ตน่าดู ที่เมือง Tokamachi จ.นีงาตะ เมือง Tokamachi

ท่องเที่ยวญี่ปุ่น นีงาตะ

เมืองโทคะมะจิ เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนีงาตะ อยู่ห่างจากโตเกียวโดยนั่งรถไฟชินคันเซ็นประมาณ 2 ชั่วโมง หากขับรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมง และอยู่ห่างจากเมืองเอจิโกะยูซะวะที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกีโดยนั่งรถไฟธรรมดาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่หิมะตกเยอะที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ในช่วงฤดูหนาวหิมะจะกองสูงถึง2-3เมตร เรียกได้ว่าต้องเปลี่ยนทางเข้า-ออกบ้านจากหน้าต่างชั้น 2 กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยว Unseen หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นความงามของป่าต้นบีชญี่ปุ่น นาขั้นบันได เป็นแหล่งผลิตกิโมโนอันโด่งดัง และยังถือว่าเป็นเมืองแห่งงานอาร์ต ที่เรียกกันว่า Echigo-Tsumari Art Field

Echigo-Tsumari Art Field

เป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะรูปแบบใหม่ ทั้งที่ตั้งอยู่ในและนอกอาคาร กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วเมืองโทคะมะจิ (Tokamachi) และเมืองทสึนัน (Tsunan) ในจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 760 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันมีผลงานที่จัดแสดงอยู่ทั้งสิ้น 235 ผลงาน จากศิลปินชาวญี่ปุ่นและนานาชาติ ซึ่งงานศิลปะส่วนใหญ่นั้นล้วนออกแบบให้กลมกลืนไปกับภูมิประเทศที่มีหิมะตกหนักในช่วงฤดูหนาว และความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่นที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ดังจะเห็นได้จากผลงานบางชิ้นที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ตามริมถนน หรือในหมู่บ้าน

Echigo-Tsumari Art Triennale 

ในทุกๆ 3 ปีจะมีการจัดงานอีเว้นท์ครั้งใหญ่ขึ้น ชื่อว่า Echigo-Tsumari Art Triennale 

ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2000 และทำการจัดต่อเนื่องเรื่อยมา สำหรับครั้งต่อไปกำลังจะจัดขึ้นในปี 2021ที่จะถึงนี้ โดยเป็นการจัดงานครั้งที่ 8 ส่วนในปี 2018 ที่ผ่านมานั้นมีผู้คนจากทั่วโลกมาเยือนที่เมืองนี้มากกว่า 5 แสนคนเลยทีเดียว

คอนเซ็ปต์

คอนเซ็ปต์ของโครงการนี้จัดขึ้นเพื่อให้ศิลปินได้มีพื้นที่ในการจัดแสดงผลงาน และให้ผู้ที่มีใจรักในศิลปะหรือผู้ที่สนใจได้มีพื้นที่สำหรับเที่ยวชมงานศิลปะ รวมทั้งต้องการที่จะพลิกฟื้นพื้นที่ชนบทอันห่างไกลแห่งนี้ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสัน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น

บัตรเข้าชม Echigo Tsumari Art Triennale Passport หรือ ETAT Passport

เป็นบัตรเหมาสำหรับใช้เข้าชมจุดจัดแสดง และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในโครงการ และยังมีส่วนลดเป็นคูปองสำหรับใช้กับร้านค้า ร้านอาหาร รวมทั้งที่พักในพื้นที่ได้ด้วย หรือหากไม่ใช้บัตร ก็สามารถจ่ายค่าเข้าชมเป็นรายสถานที่ก็ได้เช่นกัน

* ราคาของบัตรเหมานี้จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล และสถานที่ที่สามารถใช้บัตรได้ก็แตกต่างกันออกไป 

เว็บไซต์โครงการ 

https://www.echigo-tsumari.jp/en/

Artwork 1 : Tunnel of Light

ออกแบบโดย : Ma Yansong / MAD Architects  (ศิลปินชาวจีน)

นี่คือผลงานศิลปะที่โดดเด่นที่สุดชิ้นหนึ่งในโครงการ Echigo-Tsumari แต่เดิมอุโมงค์นี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1988 เป็นเส้นทางเดินผ่านป่าเพื่อเข้าไปชมหน้าผาที่อยู่ด้านในของหุบเขาคิโยสึ ต่อมาในปี 2018 มีการจัดงานเทศกาล Echigo Tsumari Art Triennale ขึ้น คุณ Ma Yansong ศิลปินชาวจีน ได้ทำการชุบชีวิตอุโมงค์แห่งนี้ โดยทำการสร้างทางเข้าขึ้นมาใหม่ ส่วนด้านในอุโมงค์ได้มีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และเปิดเป็นผลงานจัดแสดงถาวรของ Echigo Tsumari Art Field จนถึงปัจจุบัน

อุโมงค์นี้มีความยาวทั้งสิ้น 750 เมตร บรรยากาศด้านในเปรียบได้กับการอยู่ในเรือดำน้ำขนาดใหญ่ที่ตัดขาดออกจากโลกภายนอก ระหว่างทางได้มีการปรับปรุงพื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นจุดชมวิว แบ่งออกเป็น 4 แพลตฟอร์ม ไฮไลท์อยู่ที่แพลตฟอร์มสุดท้ายปลายสุดของอุโมงค์ ที่เปิดโล่งออก สามารถมองเห็นวิวพาโนรามาของหุบเขาคิโยสึที่อยู่ด้านนอกได้

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://nakasato-kiyotsu.com/en/

เวลาเปิด-ปิด: 8.30 – 17.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายในเวลา 16.30 น.)

วันหยุด: ไม่มี

ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 800 เยน / นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 400 เยน สามารถใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map: https://goo.gl/maps/nxbEJU7ANR1u7L4N6

Artwork 2 : For Lots of Lost Windows

ออกแบบโดย : Utsumi Akiko (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

จากทิวทัศน์ที่มองเห็นจากหน้าต่างห้องกลายมาเป็น “ทิวทัศน์ของฉัน” หน้าต่างสำหรับการค้นพบความงามของเอจิโกะ-ทสึมาริที่อยู่ลึกลงไป ทั้งในและนอกกรอบหน้าต่าง ว่ากันว่าตอนที่ศิลปินมาเยือนยังดินแดนแห่งนี้แล้ว เกิดความประทับใจในธรรมชาติของทสึมาริเป็นอย่างมาก จึงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/for_lots_of_lost_windows/

เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด : ไม่มี

ค่าเข้า: ใช้  ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/3chFBNUDs4R9aFD59

Artwork 3 : Tsumari in Bloom

ออกแบบโดย : Kusama Yayoi (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

นี่คือผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในศตวรรษนี้ คุณ Kusama Yayoi ผู้ที่นำลายจุดมาใส่ในชิ้นงานของตัวเอง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งที่ Echigo-Tsumari ก็มีผลงานของเธอจัดแสดงอยู่ด้วยเช่นกัน นั่นคืองานประติมากรรมรูปดอกไม้ขนาดใหญ่สีสันสดใส ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา และที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือลายจุดบนดอกไม้ โดยศิลปินกล่าวไว้ว่านี่คือชิ้นงานประติมากรรมกลางแจ้งที่เธอชอบมากที่สุด และหวังว่าผู้คนจากทั่วโลกจะเดินทางมาชมผลงานนี้ รวมถึงผลงานอื่นๆ ใน Echigo-Tsumari Art Field ที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ทั้งในทุ่งกว้างและในป่าลึกด้วยเช่นกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/tsumari_in_bloom/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด: ปิดช่วงฤดูหนาว

ค่าเข้า: ใช้  ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/bomshT2rJJjaG9SY8

Artwork 4 : Kiss & Goodbye (Doichi station และ Echigo-Mizusawa station)

ออกแบบโดย : Jimmy Liao (ศิลปินชาวไต้หวัน)

คุณ Jimmy Liao ศิลปินนักวาดภาพประกอบชื่อดังชาวไต้หวัน หยิบเอาตัวละครในหนังสือภาพเรื่อง “ตั๋วแห่งความสุข Kiss & Goodbye” ที่ได้วาดให้กับรถไฟสาย JR Iiyama Line

มาแต่งแต้มเป็นลวดลายลงบนโกดังทรงคล้ายกับลูกชิ้นปลา “คามาโบะโกะ” ด้านในโกดังมีการจัดแสดงนิทรรศการรูปภาพ วิดีโอ และเพลงประกอบของหนังสือเล่มนี้อยู่ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กชายกำพร้าพร้อมกับสุนัขตัวหนึ่ง ได้ออกเดินทางขึ้นรถไฟ เพื่อไปเยี่ยมชายชราในชนบท สื่อถึงการที่เด็กชายปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่ความกล้า พร้อมกับรถไฟที่มุ่งไปข้างหน้าเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางนั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/kiss_goodbye_doichi/

https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/kiss_goodbye_echigo_mizusawa/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด: ช่วงฤดูหนาว

ค่าเข้า: 500 เยน (รวมค่าเข้าชมผลงานทั้ง 2 ที่) หรือใช้ ETAT Passport  หรือตั๋วพิเศษได้

สถานีรถไฟ Doichi

Google map : https://goo.gl/maps/ZBVewkAfE6XmPfoQ7

สถานีรถไฟ Echigo Minusawa

Google map :https://goo.gl/maps/MfVrRhw3XAjPbyyM7

Artwork 5 : Hachi & Seizo Tashima Museum of Picture Book Art

ออกแบบโดย : Tashima Seizo (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

คุณ Jimmy Liao ศิลปินนักวาดภาพประกอบชื่อดังชาวไต้หวัน หยิบเอาตัวละครในหนังสือภาพเรื่อง “ตั๋วแห่งความสุข Kiss & Goodbye” ที่ได้วาดให้กับรถไฟสาย JR Iiyama Line

มาแต่งแต้มเป็นลวดลายลงบนโกดังทรงคล้ายกับลูกชิ้นปลา “คามาโบะโกะ” ด้านในโกดังมีการจัดแสดงนิทรรศการรูปภาพ วิดีโอ และเพลงประกอบของหนังสือเล่มนี้อยู่ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กชายกำพร้าพร้อมกับสุนัขตัวหนึ่ง ได้ออกเดินทางขึ้นรถไฟ เพื่อไปเยี่ยมชายชราในชนบท สื่อถึงการที่เด็กชายปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่ความกล้า พร้อมกับรถไฟที่มุ่งไปข้างหน้าเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางนั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/kiss_goodbye_doichi/

https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/kiss_goodbye_echigo_mizusawa/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด: ช่วงฤดูหนาว

ค่าเข้า: 500 เยน (รวมค่าเข้าชมผลงานทั้ง 2 ที่) หรือใช้ ETAT Passport  หรือตั๋วพิเศษได้

สถานีรถไฟ Doichi

Google map : https://goo.gl/maps/ZBVewkAfE6XmPfoQ7

สถานีรถไฟ Echigo Minusawa

Google map :https://goo.gl/maps/MfVrRhw3XAjPbyyM7

Artwork 5 : Hachi & Seizo Tashima Museum of Picture Book Art

ออกแบบโดย : Tashima Seizo (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

Artwork 6 : Tokamachi Industry and Crafts Center “Ikote”

ออกแบบโดย : Tezuka Takaharu + Tezuka Yui  (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

อาคารไม้ 2 ชั้นรูปทรงแปลกตา ผลงานออกแบบของสถาปนิกชาวญี่ปุ่น 2 ท่าน ผู้ที่ออกแบบโรงเรียนอนุบาลป่าไม้เคียวโรโระ (Forest School: Kyororo) ในฤดูหนาวหลังคาทรงโค้งสามารถรองรับน้ำหนักของหิมะได้ดีตามแบบฉบับการสร้างบ้านในสมัยโบราณของโทคะมะจิ และกันสาดที่ยื่นออกมาช่วยบังแดดในช่วงฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี พื้นที่ด้านในชั้นล่างเป็นทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ ส่วนชั้นบนสามารถจัดอีเว้นท์ ปาร์ตี้ต่างๆ ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://ikote.net/

เวลาเปิด-ปิด: มื้อกลางวัน 11.00 – 14.00 น. (Last Order 14.00)  / คาเฟ่ 11.00 – 17.00 น./ มื้อเย็น 17.00 – 22.00 น.  (Last Order 21.00 น.ปิดวันอาทิตย์) 

วันหยุด: วันจันทร์

ค่าเข้า: 300 เยน หรือ ใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map: https://goo.gl/maps/oPmS1zpLaLhsb5Bk6

Artwork 7 : Set North for Japan (74°33’2”)

ออกแบบโดย : Richard Wilson  (ศิลปินชาวอังกฤษ)

โครงเหล็กขนาดเท่าตัวบ้านของศิลปินในลอนดอน จัดวางไว้ที่องศาเดียวกันกับพื้นโลก ศิลปินพยายามสื่อถึงความเชื่องโยงกันระหว่างกรุงลอนดอนและเมืองทสึมาริ ที่ห่างไกลกันทั้งในแง่ของระยะทาง และความแตกต่างของวัฒนธรรม โครงเหล็กนี้ตั้งอยู่ติดกับประตูโทริอิ ทางเข้าของโรงเรียนมัธยมต้นนะคะซาโตะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/set_north_for_japan_74332/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมตลอดทั้งปี

วันหยุด: ไม่มี

ค่าเข้า: ใช้  ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map: https://goo.gl/maps/tokPedhhub2mR8sP6

Artwork 8 : Relation – Blackboard Classroom

ออกแบบโดย : Kawaguchi Tatsuo (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

ผลงานชิ้นนี้ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Matsudai Nohbutai เมื่อศิลปินเปลี่ยนห้องเรียนทั้งห้องให้กลายเป็นกระดานดำไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ และผนัง ให้ผู้ที่เข้าชมได้มีส่วนร่วมในผลงานชิ้นนี้โดยมีชอล์ควางไว้ให้ขีดเขียนผลงานของตัวเองลงไปได้ด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/relationblackboard_classroomrelationfarmers_work/

เวลาเปิด-ปิด: Matsudai Nohbutai 10.00-17.00 น. (เปิดให้เข้ารอบสุดท้าย 16.30 น.)

วันหยุด: ปิดทุกวันพุธ (หรือวันถัดไปหากวันพุธเป็นวันหยุดราชการ)

ค่าเข้า: Matsudai Nohbutai ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กประถมและมัธยมต้น 300 เยน  หรือใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/mHPEKjxNNnme3trr8

Artwork 9 : The Rice Field

ออกแบบโดย : Ilya & Emilia Kabakov (ศิลปินชาวรัสเซีย – สหรัฐอเมริกา)

ผลงานชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ Matsudai Nohbutai เป็นการผสมผสานกันระหว่างบทกวี การตกแต่งภูมิทัศน์ และงานประติมากรรม มีการวางข้อความอธิบายวิธีการปลูกข้าวแบบดั้งเดิม ที่ตัวอักษรดูคล้ายกับว่ากำลังลอยอยู่ในอากาศ ฉากหลังคือนาขั้นบันไดที่มีรูปปั้นคนกำลังทำนาในท่าทางต่างๆ เมื่อมองลงมาจากจุดชมวิวของ Matsudai Nohbutai แล้วทิวทัศน์ที่มองเห็น ดูคล้ายกับภาพวาดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/the_rice_field/

เวลาเปิด-ปิด: Matsudai Nohbutai 10.00 – 17.00 น. (เปิดให้เข้ารอบสุดท้าย 16.30 น.)

วันหยุด: ปิดทุกวันพุธ (หรือวันถัดไปหากวันพุธเป็นวันหยุดราชการ)

ค่าเข้า: Matsudai Nohbutai ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กประถมและมัธยมต้น 300 เยน  หรือใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/Sb5a9BCh1dyJnZDeA

Artwork 10 : Café Reflet

ออกแบบโดย : Jean-Luc Vilmouth(ศิลปินชาวสหรัฐ-ฝรั่งเศส)

ศิลปินท่านนี้ได้มาเยือนพื้นที่แถบนี้ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หลังจากที่หิมะได้ตกลงมาอย่างหนัก เขาจึงต้องการที่จะสะท้อนภาพชีวิตประจำวันของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ และภาพของหิมะในวันนั้นออกมา (Reflet ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า การสะท้อนกลับ) เข้าจึงได้มอบกล้อง Instant จำนวน 100 ตัวให้แก่ชาวบ้าน เพื่อให้พวกเขาได้ถ่ายภาพทิวทัศน์ที่มองเห็นจากหน้าต่างบ้านของตัวเอง จากนั้นศิลปินได้นำภาพเหล่านั้นมาติดไว้บนโคมไฟเพดานทรงกลม 4 ดวง ที่ออกแบบโดย MVRDV แล้วจัดวางโต๊ะกระจกเงาไว้ที่ด้านล่าง ในช่วงที่จัดงานเทศกาล Triennial ร้านอาหาร Matsudai Shokudo แห่งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมนูข้าวปั้นที่ทำมาจากข้าว “Koshihikari” สายพันธุ์ที่ปลูกในจังหวัดนีงะตะที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่น รวมถึงอีกหลายเมนูที่ใช้วัตถุดิบที่ทานได้จากในป่า พร้อมเพลิดเพลินไปกับรูปภาพที่สะท้อนจากโคมไฟลงมายังโต๊ะอาหาร และทิวทัศน์ของทุ่งนาสีเขียวที่มองเห็นได้จากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของร้านอาหารแห่งนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/caf_reflet/

เวลาเปิด-ปิด: Matsudai Nohbutai 10.00 – 17.00 (เปิดให้เข้ารอบสุดท้าย 16.30)

วันหยุด : ปิดทุกวันพุธ (หรือวันถัดไปหากวันพุธเป็นวันหยุดราชการ)

ค่าเข้า : Matsudai Nohbutai ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กประถมและมัธยมต้น 300 เยน  หรือใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/mHPEKjxNNnme3trr8

Artwork 11 : Reverse City

ออกแบบโดย : Pascale Marthine Tayou (ศิลปินชาวแคเมรูน – เบลเยี่ยม)

อีกหนึ่งผลงานกลางแจ้งในบริเวณ Matsudai Nohbutai ศิลปินนำดินสอสีขนาดยักษ์หลายแท่ง ที่มีสี และมีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน มาแขวนกลับหัว ยึดด้านบนไว้กับโครงเสาสแตนเลส ลอยอยู่เหนือพื้นประมาณ 2 เมตร  นำด้านแหลมพุ่งลงสู่พื้น แต่ละแท่งมีชื่อของแต่ละประเทศกำกับเอาไว้อยู่ ศิลปินต้องการให้ผู้เข้าชมรู้สึกถึงการถูกคุกคามจากเมืองใหญ่ เมื่อได้มายืนอยู่ใต้ดินสอเหล่านี้ หากใครมาเยือนลองมองหาดินสอที่เขียนว่าタイที่แปลว่าประเทศไทยดูนะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์ :https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/reverse_city/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด: ปิดช่วงฤดูหนาว

ค่าเข้า: ใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/QhN5df6wcjFfvBPn6

Artwork 12 : Kamaboko-type Storehouse Project

ออกแบบโดย : Tsuyoshi Ozawa (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

เมื่อเดินทางมายังดินแดนแถบนี้ สิ่งที่เราจะพบเห็นได้บ่อยนั่นก็คือโกดังเก็บของทรง “คามาโบะโกะ” (คามาโบะโกะ คือชื่อของลูกชิ้นปลาญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นแท่งกลมยาว)  เนื่องจากรูปทรงนี้สามารถรองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีหิมะตกหนักได้ดี ผลงานชิ้นนี้นำเอาโกดังคามาโบโกะ 7 หลังมาวางเรียงกัน แต่ขนาดลดหลั่นกันไป เลียนแบบการทับถมของหิมะ แต่ละหลังติดเลนส์ขยายเอาไว้ให้ส่องดูสิ่งที่อยู่ด้านในได้ หลังที่ใหญ่ที่สุดด้านในจัดแสดงรูปภาพและผลงานการค้นคว้าเกี่ยวกับโกดังคามาโบกะในเมืองมัตสึได ส่วนที่เหลืออีก 6 หลัง เปิดให้คนในพื้นที่เช่าไว้ใช้สำหรับเก็บของ

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/kamaboko-type_storehouse_project/

เวลาเปิด-ปิด: Matsudai Nohbutai 10.00 – 17.00 น. (เปิดให้เข้ารอบสุดท้าย 16.30 น.)

วันหยุด: ปิดทุกวันพุธ (หรือวันถัดไปหากวันพุธเป็นวันหยุดราชการ)

ค่าเข้า: ใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/PKH7j6VJyWVGpJpd6

Artwork 13 : Boys with Red Loincloth Returned

ออกแบบโดย : Sekine Tetsuo (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

หุ่นไม้เด็กผู้ชายนุ่งผ้าเตี่ยวสีแดง 40 ต้น ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณริมแม่น้ำชิบูมิ ในปี 2006 เคยมีการสร้างหุ่นไม้แบบนี้อยู่ก่อนแล้วแต่ถูกรื้อถอนไป และชาวบ้านก็ได้เรียกร้องให้มีการนำกลับมาอีกครั้ง ในปี 2009  ไม้ที่นำมาใช้มีการนำไปเผาก่อน ทำให้ผิวของเด็กชายมีสีเข้ม ดูสุขภาพดี ผู้ชายที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านคาอาราโตะ ริมแม่น้ำชิบูมิ เล่าว่าในตอนที่พวกเขายังเด็ก และน้ำในแม่น้ำยังใสสะอาด พวกเขามักนุ่งผ้าเตี่ยวสีแดง และลงไปเล่นน้ำในแอ่งใต้น้ำตกเป็นประจำ ส่วนผ้าโพกหัวสีขาวมีไว้เพื่อเพิ่มอารมณ์ขันให้กับหุ่นแต่ละตัว

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/boys_with_red_lion_cloths_returned/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมตลอดทั้งปี

วันหยุด: ไม่มี

ค่าเข้า: ใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/UGpKjFLGp2MVFKif7

Artwork 14 : The□Tower and the Red Dragonfly

ออกแบบโดย : Tanaka Shintaro (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

ประติมากรรมรูปแมลงปอสีแดงตั้งอยู่บนยอดเสาสูง 14 เมตร ราวกับกำลังกระพือปีกอยู่ในสายลม โดยมีท้องฟ้าสีครามเป็นฉากหลัง เมื่อมองผ่านพุ่มไม้สีเขียว แมลงปอสีแดงตัวนี้เปรียบได้กับตัวแทนทางจิตวิญญาณของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนหิมะแห่งซาโตยามะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/thetower_and_the_red_dragonfly/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมตลอดทั้งปี

วันหยุด: ไม่มี

ค่าเข้า:  หรือใช้ ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/jPkTya8KG6BceWLY9

Artwork 15 : The Black Symbol

ออกแบบโดย : Santiago Sierra (ศิลปินชาวสเปน)


แผ่นป้ายสีดำขนาดใหญ่สูง 10 เมตร จำลองเงาของวัวกระทิงที่ชื่อว่า “Toro de Osborne” สัญลักษณ์ของประเทศสเปน บ้านเกิดของศิลปินเจ้าของผลงาน ตั้งตระหง่านสะดุดตาอยู่บนเนินเขาท่ามกลางธรรมชาติ ชวนให้ตั้งคำถามว่าเหตุใดเจ้าวัว สัญลักษณ์ของสเปนถึงได้มาอยู่กลางป่าเขาในญี่ปุ่นที่ซึ่งทั้งห่างไกล อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมก็แตกต่างกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/the_black_symbol/

ค่าเข้า: ใช้  ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map: https://goo.gl/maps/9SDRPCK3xNRnEbff9

Artwork 16 : “KIYOTZ” Yotsugawa Press Center 

ออกแบบโดย : Osamu Tsukihashi + Architects T House (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

ศูนย์สนับสนุนการฟื้นฟูหมู่บ้าน เปิดให้บริการในปี 2009 เป็นศูนย์ให้ข้อมูลและพื้นที่พักผ่อนริมแม่น้ำคิโยสึ ในปี 2012ได้ร่วมมือกับห้องวิจัย Tsukihashi ประจำมหาวิทยาลัยโกเบ จัดให้มีการแสดงภาพสามมิติขนาดใหญ่เกี่ยวกับลุ่มน้ำคิโยสึ และมีการตีพิมพ์เอกสารให้ความรู้แจกฟรีอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/kiyotz_kiyotsugawa_press_center/

เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด: ปิดช่วงฤดูหนาว

ค่าเข้า: ใช้  ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/f8mDCzN6ZMAZ3WDt9

Artwork 17 : House of Birds ออกแบบโดย : Jaume Plensa (ศิลปินชาวสเปน)

บ้านนกบนหอคอยสูง 19 เมตร ตั้งอยู่ติดกับออนเซ็น Mion Nakasato อยู่ใกล้แม่น้ำ ว่ากันว่านกนั้นเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ ถูกทำร้ายได้ง่าย และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกและท้องฟ้า เมื่อแสงตกกระทบตัวบ้านก็จะปล่อยแสงสะท้อนออกมา สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/house_of_birds/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมตลอดทั้งปี

วันหยุด: ไม่มี

ค่าเข้า: ใช้  ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map: https://goo.gl/maps/dXSH5H7LyYsdj32L7

Artwork 18 : Lanterns on a Riverbank

ออกแบบโดย : ศิลปินกลุ่ม CLIP (ศิลปินชาวญี่ปุ่น)

อาคารมัลติยูสสีแดงเข้มใช้งานได้อเนกประสงค์ แต่เดิมออกแบบมาเพื่อใช้เป็นทางเข้าออนเซ็น Mion Nakasato และใช้เป็นที่จอดรถ มีพื้นที่พักผ่อนและห้องน้ำในตัว บางส่วนสามารถเคลื่อนย้ายได้เพื่อรองรับการจัดงานอีเว้นท์ หรือตอนที่ต้องกำจัดหิมะในฤดูหนาว รูปทรงอาคารได้รับแรงบันดาลใจมาจากโคมไฟทรงสูงแบบดั้งเดิมที่ใช้ในที่พักของคนญี่ปุ่น

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/lanterns_on_a_riverbank/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด: ปิดช่วงฤดูหนาว

ค่าเข้า: ใช้  ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map: https://goo.gl/maps/sKvtmuuExddhJbPKA

Artwork 19 : Growing Tree in Tsumari ออกแบบโดย : Hong Sung-Do (ศิลปินชาวเกาหลี)

ต้นไม้ในกระถางลอยเคว้งในอากาศตรึงติดกับเสาเหล็กทั้ง 4 มุม สื่อถึงคนเมืองที่ค่อยๆ ห่างเหินออกจากธรรมชาติ การดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่ที่ถูกตัดขาดจากพื้นโลกนั้น ศิลปินต้องผ่านกระบวนการคิด และใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะออกมาสวยงามอย่างที่เห็น

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/growing_tree_in_tsumari/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด: ปิดช่วงฤดูหนาว

ค่าเข้า: ใช้  ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map: https://goo.gl/maps/XVAfqqmEg94WAQQd7

Artwork 20 : Scarecrow Project

ออกแบบโดย : Oiwa Oscar – Brazil (ศิลปินชาวสหรัฐอเมริกา)

ประติมากรรมหุ่นไล่กาสีแดงหลายตัว วางกระจัดกระจายอยู่ตามทุ่งนาขั้นบันได หุ่นตัวหนึ่งกางแขนออก ในขณะที่หุ่นอีกตัวกำลังอุ้มทารกอยู่ เป็นตัวแทนของครอบครัวชาวนา ผู้ที่เป็นเจ้าของทุ่งนาขั้นบันไดผืนนี้จริงๆ ทารกที่หุ่นไล่กานี้อุ้มอยู่ เมื่อเติบโตขึ้นเขาน่าจะจำได้ว่านี้คือตัวเขาที่ถูกจำลองขึ้น ในฐานะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวิวทิวทัศน์อันสวยงามในบ้านเกิดของเขาเอง

ข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.echigo-tsumari.jp/en/art/artwork/scarecrow_project/

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (หลังหิมะละลาย) 

วันหยุด: ปิดช่วงฤดูหนาว

ค่าเข้า : ETAT Passport หรือตั๋วพิเศษได้

Google map : https://goo.gl/maps/EcuB4GhYcAcbj6sv5