Road trip
ทริปขึ้นเครื่องบินออกเดินทางสู่ภูมิภาคโทโฮคุ อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่อยากแนะนำเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่น
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2022/01/Day-1-2-1024x683.jpg)
ทริปโทโฮคุตอนเหนือออกเดินทางสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1637132935101-1024x683.jpg)
ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) เป็นภูมิภาคที่อยู่ทางเหนือเกาะฮนชู (Honshu) ประกอบไปด้วย 6 จังหวัดด้วยกัน โดยครั้งนี้เราจะเน้นเที่ยวเฉพาะในโซนของโทโฮคุตอนเหนือ ตั้งแต่จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) จังหวัดอาคิตะ (Akita) และจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) หลายท่านคงจะจินตนาการตามกันแล้วใช่ไหมคะว่าภูมิภาคนี้มีอะไรที่น่าเที่ยวบ้าง ทริปนี้จึงตั้งใจแนะนำให้เพื่อนๆ ที่ไม่เคยรู้จักโทโฮคุตอนเหนือกันมาก่อน ได้รู้ว่าภูมิภาคนี้มีเสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะที่น่าสนใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่สวยงาม อาหารประจำท้องถิ่น วัฒนธรรมประเพณี รวมไปถึงกิจกรรมที่หาทำที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่ ซึ่งจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อะไรบ้างนั้นเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางไปด้วยกันเลยค่ะ
โดยทริปนี้เราออกเดินทางด้วยการนั่งเครื่องบินจากสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) มุ่งหน้าสู่สนามบินอาโอโมริ (Aomori Airport)จากนั้นใช้เวลาราวๆ 30 นาที โดยรถยนต์เพื่อไปยังจุดหมายแรกของทริปนี้กันค่ะ
พิพิธภัณฑ์โคมไฟทะชิเนปุตะ (Tachineputa Museum)
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1636961235061-682x1024.jpg)
หากพูดถึงเทศกาลฤดูร้อนประจำจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) หลายท่านอาจจะเคยได้ยินเทศกาลเนบุตะ (Aomori Nebuta Festival) กันมาบ้างใช่ไหมคะ แล้วเพื่อนๆ ทราบกันไหมคะว่าเนบุตะนั้นยังสามารถแบ่งแยกย่อยไปตามเมืองต่างๆ ในจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) อีกกว่า 40 ชนิดด้วยกัน โดยเทศกาลเนบุตะนั้นถือเป็น 1 ใน 3 เทศกาลสุดยิ่งใหญ่ประจำฤดูร้อนในแถบโทโฮคุเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งมีลักษณะเป็นโคมไฟขนาดใหญ่ ทำจากกระดาษสาคุณภาพดี นำมาเพ้นท์เป็นรูปต่างๆ อาทิเช่น ซามูไร ยักษ์ ปีศาจ ปลาทอง และอื่นๆ โดยชาวเมืองจะใช้เวลาเตรียมงานก่อนถึงวันเทศกาลราวๆ 1 ปีด้วยกัน
วันนี้มีโอกาสได้พาทุกท่านมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์โคมไฟทะชิเนปุตะ ที่เมืองโกะโชะงะวะระ (Goshogawara) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ค่ะ โคมไฟของที่นี่มีเอกลักษณ์ตรงที่เป็นชนิดทรงสูง ซึ่งมีความสูงถึง 23 เมตร ประมาณตึก 5 ชั้น นับว่าเป็นต้นแบบของเนบุตะทั้งหมด แถมยังเรียกว่า “เนปุตะ” (Neputa) ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นด้วย ส่วนภายในพิพิธภัณฑ์มีห้องจัดนิทรรศการ มีแกลลอรี่ที่รวบรวมผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) มีสตูดิโอเปิดที่สามารถชมการทำโคมไฟได้อย่างใกล้ชิด มีห้องทำเวิร์คช็อป คาเฟ่ รวมไปถึงร้านขายของฝากเดินกันเพลินเลย
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1636961485120-1024x682.jpg)
ครั้งนี้โนลองทำเวิร์คช็อป คิงเกียวเนปุตะ (Kingyo Neputa) หรือ เนปุตะปลาทอง โดยมีเซนเซ หรือคุณครูคอยให้คำแนะนำ และดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนจบชิ้นงานอย่างใกล้ชิด แถมยังสามารถเลือกสีสันได้หลากหลาย โดยเฉพาะสีแดง-ขาวที่โนเลือกเพ้นท์นั้น เซนเซกระซิบว่าเป็นสีมงคลสำหรับคนญี่ปุ่นด้วยค่ะ หากทำเสร็จแล้วเซนเซจะแพ็คลงกล่องอย่างดี แต่เราห้ามนำออกมาจนกว่าจะถึงที่พักคืนนี้ไม่เช่นนั้นสีอาจจะเปื้อนติดเสื้อได้
ค่าเข้าชม : แพ็คเก็จห้องจัดนิทรรศการและแกลลอรี่
ผู้ใหญ่ 850 เยน
นักเรียนมัธยมปลาย 500 เยน
นักเรียนมัธยมต้น 300 เยน
เวลาเปิดทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันที่ 1 มกราคมของทุกปี
เดือนเมษายน – กันยายน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 19:00 น.
เดือนตุลาคม – มีนาคม ตั้งแต่เวลา 09:00 – 17:00 น. (ช่วงเวลาที่เปิดถึง 17:00 เป็นเวลาแบบชั่วคราว)
(วันที่ 31 ธันวาคม เปิดให้บริการถึง 15:00 น. และในส่วนของเลานจ์ชมวิวจะปิดเวลา 21:00 น. ระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคม)
เวิร์คช็อปมีให้เลือกมากมายวันนี้โนเลือกทำคิงเกียวเนปุตะค่ะ
คนละ 1,200 เยน 60 – 90 นาที
รอบเช้า 10:00 – 12:30 น.
รอบบ่าย 13:30 – 16:00 น.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://tachineputa.jp
พิกัดของพิพิธภัณฑ์โคมไฟ : https://goo.gl/maps/CHaLnSLoLVSVjwoh8
ร้านจูซูชิ (Ju Sushi)
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1638543838989-1024x682.jpg)
ได้เวลามื้อเที่ยงพอดีเราจึงเดินจากพิพิธภัณฑ์โคมไฟทะชิเนปุตะ (Tachineputa Museum) ประมาณ 5 นาที ก็ถึงร้านจูซูชิ (Ju Sushi) ซึ่งเป็นร้านซูชิท้องถิ่นที่เปิดมานานกว่า 40 ปี จุดเด่นของร้านนี้คือใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ สามารถรับประทานมื้อกลางวันได้ในราคาย่อมเยา สำหรับเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้มีทั้งหมด 4 เมนูด้วยกัน แต่ละเมนูจะเป็นเมนูเฉพาะของที่ร้านคิดขึ้นมาเองอีกด้วย
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1638543816600-1024x682.jpg)
เมนูแรก ยัตเตะมาเระด้ง (Yatte Mare Don)
เป็นเมนูข้าวหน้ารวมมิตรทะเล คำว่า “ยัตเตะมาเระ” เป็นภาษาท้องถิ่น แปลว่า สู้ๆ เขา มักตะโกนกันตอนที่เคลื่อนขบวนโคมไฟทะชิเนปุตะในเทศกาลฤดูร้อน
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1638543828427-1024x682.jpg)
เมนูถัดมา นาดาเระมากิ (Nadare Maki)
นำข้าวมาปั้นเป็นชิ้นพอดีแล้วนำมาซ้อนเป็นทรงสูง จากนั้นท็อปปิ้งด้วยไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน เนื้อปูแกะ และโรยด้วยต้นหอม คำว่า “นาดาเระ” หมายถึง การไหล ทางร้านอยากจะสื่อว่าท็อปปิ้งให้เยอะมากจนไหลลงมา
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1638543803649-1024x682.jpg)
เมนูที่สาม โมสึเคะมากิ (Motsuke Maki)
เป็นข้าวห่อสาหร่ายทรงกระบอกขนาดใหญ่ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ หรือ ที่เรียกกันว่าฟุโตมากิ (Futo Maki) ใส่เครื่องต่างๆ หลากสีสัน คำว่า “โมสึเคะ” หมายถึง คนที่ชอบสร้างเสียงหัวเราะกับเพื่อนฝูง
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1638543788229-1024x682.jpg)
เมนูสุดท้ายที่แนะนำ คือ มากุโระคะรุบิด้ง (Maguro Karubi Don)
เมนูข้าวหน้าปลามากุโระลนไฟ ราดซอสสูตรเด็ด โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย หากหลับตารับประทานจะไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นเนื้อปลา หรือเนื้อวัว เพราะรสชาติใกล้เคียงกันเลย ก่อนออกเดินทางต่อไปยังเมืองอื่น อย่าลืมแวะถ่ายรูปฝาท่อน้ำของเมืองโกะโชะงะวะระ (Goshogawara) ซึ่งเป็นลายทะชิเนปุตะ (Tachineputa) ด้วยนะคะ
เวลาเปิดทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน 11:30 – 22:00 น. (Lunch set 11:30 – 14:00 น.)
พิกัดของร้านจูซูชิ : https://goo.gl/maps/oXwfCWuXu1b4HXm46
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://shigezushi.cloud-line.com
บริการพายแอปเปิ้ลแท็กซี่ (Apple Pie Taxi)
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1636986863912-1024x682.jpg)
หลังจากที่รับประทานเมนูอาหารคาวอิ่มเรียบร้อย ต้องเติมของหวานกันสักหน่อย เราจึงออกเดินทางต่ออีกประมาณ 40 นาที มุ่งหน้าไปยังเมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองแห่งแอปเปิ้ล” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) และเป็นแหล่งผลิตแอปเปิ้ลที่มีปริมาณมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วน 20% ของผลผลิตทั้งประเทศ แทบไม่ต้องแปลกใจเลยนะคะว่า เราสามารถพบเห็นสิ่งที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปแอปเปิ้ลมากมาย โดยเฉพาะร้านแอปเปิ้ลพายที่มีจำนวนมากถึง 50 ร้านในเมืองนี้ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะว่าจะเลือกทานร้านไหนดี เพราะมีตัวช่วยนั่นก็คือ แท็กซี่ท้องถิ่น “Apple Pie Concierge” โดยเราสามารถนัดรถมารับ ณ จุดไหนก็ได้ภายในเมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) โดยจุดสังเกตของรถ Apple Pie Taxi คือด้านบนรถจะมีสัญลักษณ์เป็นผลแอปเปิ้ลที่มีสายรัด หรือโอบิที่ทำจากแป้งพายรัดอยู่ คนขับแท็กซี่เป็นผู้หญิงที่ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านพายแอปเปิ้ลโดยเฉพาะ และพวกเธอจะใช้ชื่อเรียกแทนตัวเองว่า “ซากุระโคะมะจิ” (Sakura Komachi) ซึ่งเป็นที่มาของผ้าพันคอลายซากุระนั่นเองค่ะ
เพียงแค่บอกความต้องการว่าเราชอบรับประทานพายแอปเปิ้ลแบบไหน รสชาติอย่างไร พวกเธอก็สามารถพาเราไปถึงหน้าร้านนั้นๆ ได้ ซึ่งร้านส่วนใหญ่จะเป็นร้านแบบซื้อกลับบ้าน แท็กซี่จึงพาเราไปยังร้านต่างๆ ได้หลายร้านในคราวเดียวกัน นอกจากจะให้รายละเอียดในเรื่องร้านพายแอปเปิ้ลแล้ว ยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางภายในเมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) ได้ โดยที่เราสามารถขึ้นและลงแท็กซี่ที่จุดไหนก็ได้ภายในเมืองนี้ด้วย
ค่าบริการ Apple Pie Concierge :
30 นาที 2,810 เยน ประมาณ 1 ร้าน
60 นาที 5,620 เยน ประมาณ 1 – 2 ร้าน
90 นาที 8,430 เยน ประมาณ 2 – 4 ร้าน
120 นาที 11,240 เยน ประมาณ 3 – 5 ร้าน
ค่ารถแท็กซี่ : ฟรี
เวลาเปิดทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 16:00 น.
โทรจอง : 0172-33-3333
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://peraichi.com/landing_pages/view/apc/
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1636986468752-1024x671.jpg)
ร้านแรก คนขับจึงพามาที่ร้าน Noel de HIROSAKI เป็นร้านที่ได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์สินค้าขึ้นชื่อของเมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) ประจำปี ค.ศ. 2002 โดยได้รางวัลชนะเลิศจากการประกวดพายแอปเปิ้ลประจำปีนั้นด้วย พายแอปเปิ้ลชิ้นนี้ราคา 370 เยน อัดแน่นไปด้วยแอปเปิ้ลสายพันธุ์ฟูจิชิ้นโต ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักของเมืองนี้ รสชาติกลมกล่อมไม่หวานหรือเปรี้ยวจนเกินไป ที่สำคัญมีกลิ่นอบเชยกำลังดี
เวลาเปิดทำการ : ตั้งแต่เวลา 09:00 – 18:30 น.
วันหยุด : วันอังคาร
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://noel-de-hirosaki.com
พิกัดของร้าน Noel de HIROSAKI : https://goo.gl/maps/x3bnJRkYHPU5vCps5
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1636986406615-1024x682.jpg)
ร้านที่ 2 คนขับพาเรามาที่ร้าน Cafe & Restaurant BRICK Museum Shop HIROSAKI MOCA เป็นคาเฟ่ที่เปิดเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2020 พร้อมกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งเมืองฮิโระซะกิ โดยได้รับการบูรณะจากโรงงานผลิตสาเกที่สร้างขึ้นมาในสมัยเมจิ สำหรับ HIROSAKI BRICK APPLE PIE ชิ้นนี้ราคา 700 เยน นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักมากๆ แล้ว รสชาติก็ยังอร่อยด้วยค่ะ โดยตัวไส้ของพายนั้นเป็นคัสตาร์ดแอปเปิ้ลส่งกลิ่นหอมหวาน สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน คนชอบพายแอปเปิ้ลแบบนี้คงจะฟินน่าดู
เวลาเปิดทำการ : ตั้งแต่เวลา 09:00 – 22:00 น. (L.O. 21:00)
วันหยุด : วันอังคาร และ วันหยุดตามมิวเซียม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://hirosaki-brick.com
พิกัดของร้าน Cafe & Restaurant BRICK Museum Shop HIROSAKI MOCA https://goo.gl/maps/j2UZ9LLqYtvqRfyj8
รถไฟรีสอร์ทชิราคามิ (Resort Shirakami)
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/SNOW_20211109_002312_793-1024x682.jpg)
เราขอให้ Apple Pie Taxi มาส่งหน้าสถานีรถไฟ JR Hirosaki เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ที่เราจะพักแรมกันในคืนนี้ โดยเราเลือกนั่งรถไฟ Joyful Train ที่เป็นมากกว่ายานพาหนะ เพราะเราจะได้รับประสบการณ์ระหว่างการเดินทางแบบใหม่ๆ โดยเรานั่งรถไฟรีสอร์ทชิราคามิ (Resort Shirakami) เป็นรถไฟสายโกโน (Gono Line) วิ่งจากสถานี Aomori ไปยังสถานี Akita รถไฟรีสอร์ทชิราคามิ (Resort Shirakami) มีทั้งหมด 3 ขบวนด้วยกัน แต่ละขบวนจะมีชื่อเรียกต่างกันไป คือ อะโออิเคะ (Aoike), คุมะเกะระ (Kumagera) และบุนะ (Buna) การที่มีมากถึง 3 ขบวนนี้จึงทำให้สามารถเปิดบริการได้ทุกวัน
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1638543765757-1024x682.jpg)
สำหรับประสบการณ์ระหว่างการเดินทางบนรถไฟขบวนนี้ มีตั้งแต่การแสดงดนตรีโดยใช้เครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมสึกะรุซามิเซ็ง (Tsugaru Shamisen) การเล่าเรื่องตำนานท้องถิ่น และละครหุ่นเชิดแบบดั้งเดิมของผู้คนในท้องถิ่นนี้ ทั้งนี้ตารางการแสดงต่างๆ ของแต่ละวันหรือแต่ละขบวนจะแตกต่างกันไป ดังนั้นควรเช็คข้อมูลล่วงหน้าในเว็บไซต์ก่อนเดินทางด้วยนะคะ ซึ่งในวันนั้นหลังจากที่นั่งรถไฟมาสักระยะหนึ่ง รถไฟของเราก็วิ่งเลียบชายหาดริมเทือกเขาชิราคามิ (Mt. Shirakami) หากวันไหนอากาศดี จะได้ชมพระอาทิตย์ตกที่ทะเลเป็นภาพที่สวยงามมากๆ และหลังจากที่นั่งรถไฟเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเราก็มาลงรถไฟที่สถานี JR WeSpa Tsubakiyama จากนั้นจะมีชัทเทิลบัสของโรงแรมมารับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.jreast.co.jp/e/joyful/shirakami.html
โคะกะเนะซะกิฟุโระฟุชิอนเซ็น (Koganezaki Furofushi Onsen)
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1636995684127-1024x736.jpg)
หลังจากออกเดินทางมาทั้งวันแล้ว ค่ำคืนแรกเราจะเข้าพักที่โคะกะเนะซะกิ ฟุโระฟุชิ อนเซ็น ตั้งอยู่เมืองฟุคะอุระมะจิ (Fukauramachi) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) เป็นหนึ่งในอนเซ็นขึ้นชื่อว่าวิวสวยอีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นค่ะ เพราะจุดเด่นของที่นี่คือบ่ออนเซ็นกลางแจ้งตั้งอยู่ริมทะเล โดยแยกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งบ่อรวมชายหญิง และบ่อหญิงล้วน แร่ธาตุของน้ำในอนเซ็นแห่งนี้มีแร่เหล็กปนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้น้ำในอนเซ็นออกมาเป็นสีน้ำตาล และมีกลิ่นเหล็กโชยออกมา สำหรับสุภาพสตรีที่อยากแช่บ่อรวม ทางโรงแรมจะมีผ้ากระโจมอกไว้ให้บริการด้วย เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเขตมรดกโลกทางธรรมชาติจึงไม่สามารถติดตั้งเสาไฟฟ้าได้ ดังนั้นเวลาเปิด – ปิด ของอนเซ็นกลางแจ้งแห่งนี้จึงขึ้นกับความสว่างของท้องฟ้าด้วยค่ะ
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1636995923155-1024x611.jpg)
นอกจากอนเซ็นแล้ว ห้องพักที่นี่ก็มีทั้งห้องสไตล์ญี่ปุ่น ห้องสไตล์ตะวันตก รวมถึงห้องที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นกับตะวันตกเข้าด้วยกัน เช่นห้องที่ปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิแต่ก็มีเตียงนอนไว้ให้บริการด้วย และในส่วนของอาหารนั้นหายห่วง เพราะเป็นเมืองติดทะเลทำให้มีอาหารทะเลสดใหม่มาเสิร์ฟ นอกจากนั้นวัตถุดิบที่ต้องขอแนะนำเลยนั่นคือ ฟุคะอุระ ยุกิ – นินจิน (Fukaura Yuki Ninjin) เป็นแครอทที่เจริญเติบโตใต้หิมะปกคลุม ต่างจากแครอททั่วไปตรงที่รสชาติจะหวานกว่าและกลิ่นไม่แรง เนื่องจากแครอทต้องสะสมน้ำตาลให้มากกว่าน้ำเพื่อไม่ให้เซลล์ถูกทำลายจากการแข็งตัวของน้ำ จึงทำให้แครอทเหล่านี้มีน้ำตาลมากกว่าแครอททั่วไป
ค่าบริการ :
เข้าแช่น้ำแบบไม่ค้างคืน ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 300 เยน
ราคาที่พักขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการจอง กรุณาเช็คที่เว็บไซต์
เวลาเปิดทำการ :
เข้าแช่น้ำแบบไม่ค้างคืน 08:00 – 20:00 น.
(ทั้งนี้บ่อแช่น้ำกลางแจ้งริมทะเลเปิดรับถึง 15:30 น. และปิดทำการ 16:00 น.)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.furofushi.com/english/
พิกัดของโคะกะเนะซะกิฟุโระฟุชิอนเซ็น https://goo.gl/maps/nabaZ26KAhCtbXnh8
![](https://www.jpsimplelife.com/wp-content/uploads/2021/12/KOLORO_1636995852356-1024x682.jpg)
พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวเราจะตื่นมาชมอนเซ็นกลางแจ้งวิวริมทะเล พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ากันค่ะ
สำหรับค่ำคืนแรกขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ