🏔♨️พาขึ้นดอย(เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น)ชมดาว พร้อมแช่ออนเซ็นธรรมชาติที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ♨️ 🏔

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ขึ้นเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น บริเวณทาเทยามะ (立山) ไปแช่ออนเซ็น ที่มิคุริกะอิเคะออนเซ็น (みくりが池温泉) ออนเซ็นธรรมขาติที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ที่ความสูง 2,450เมตร เหนือระดับน้ำทะเล จากนั้นก็จะพาเพื่อนนอนดูดาว ชมทางช้างเผือกกันครับ

วันนี้เรามาเริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟออกจากสถานีโทยามะ(Toyama 富山) มาลงที่สถานีทาเทยามะ(Tateyama 立山) ด้วยรถไฟสาย Toyama Chiho Railway นั่งกันยาวๆประมาณ 1ชั่วโมง 13นาที

หลังจากมาถึงสถานี Tateyama แล้ว เปลี่ยนเป็นเคเบิ้ลคาร์ (7นาที)

แล้วก็มาเปลี่ยนเป็นรถบัสอีกประมาณ 50นาที พอขึ้นมาสูงในระดับหนึ่งเราก็จะเริ่มเห็นหิมะ แล้วก็จะถึงสถานีมุโรโด (Murodo 室堂) ครับ

หลังจากที่ลงรถบัสแล้ว เดินขึ้นมาด้านบนก็จะมาเจอกับวิวนี้

ถ้าเดินออกมาอีกทางก็จะเป็นบริเวณที่สามารถไปชมกำแพงหิมะ (Yuki no Otani) ได้

วันที่ผมมาเป็นวันที่ 5 พค. ตรงกับวันเด็กผู้ชายของประเทศญี่ปุ่น โดยปกติแล้วบ้านที่มีลูกชายก็จะเอาธงปลาคาร์ฟออกมาประดับ เพื่อขอให้เติบโตมาอย่างสมบูรณ์ แข็งแรง มาที่นี่ก็เจอธงปลาคาร์ฟประดับอยุ่ที่กำแพงหิมะระหว่างทางเดิน

กำแพงหิมะในปีนี้สูง 18เมตร ส่วนวันที่ผมไปดูก็ละลายไปนิดหน่ย จุดสูงสุดเหลือความสูงอยู่ที่ 16 เมตรครับ

วันนี้ยังอยู่ในช่วง Golden Week วันหยุดยาวของญี่ปุ่น มีคนมาท่องเที่ยวกันเยอะมาก หลบยังไงก็ถ่ายให้ไม่มีคนไม่ได้เลยครับ

หลังจากดูกำแพงหิมะเสร็จแล้ว แนะนำให้เดินต่อไปอีกนิดนึง จะมีถนนสายพาโนราม่า ที่สามารถไปเดินแล้วรับชมวิวเทือกเขาทางด้านขวาแบบกว้างๆไม่มีอะไรมากั้น

หลังจากไปชมกำแพงหิมะเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาไปเข้าที่พักครับ ถ้าไม่มีหิมะจากสถานีมุโรโด ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีก็จะถึงที่พักของเราในวันนี้ แต่เพราะว่าหิมะยังเลยเดินลำบากนิดนึง ใช้เวลาประมาณ 20นาที

บริเวณนี้จริงๆเป็นบ่อน้ำมิคุริกะ (ชื่อเดียวกับที่พัก) ที่อยู่ด้านหน้าที่พัก หิมะถมจนแทบจะไม่เห็นน้ำเลยครับเนี่ย

และนี่คือที่พักของเราในวันนี้ มิคุริกะอิเคะออนเซ็น (Mikurigaike Onsen みくりが池温泉)

พอเข้ามาด้านใน ก็จะมีห้องไว้ตาก เสื้อผ้า และ อุปกรณ์ต่างๆ ถ้าใครที่เคยมาเล่นสกีแล้วก็จะคุ้นเคยกับห้องนี้ครับ

ที่วางสกีและสโนว์บอร์ด

มิคุริกะอิเคะออนเซ็น เป็นออนเซ็นธรรมชาติที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่นที่ความสูง 2410 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ที่นี่ใช้น้ำออนเซ็นธรรมชาติจากแหล่งกำเนิดด้านข้าง 100% น้ำมีสีขาวขุ่น ไม่มีการเติมแต่ง แบ่งเป็นฝั่งชายและหญิงอย่างละ 1 ห้อง ถึงแม้บริเวณด้านข้างเราจะได้กลิ่นกำมะถัน แต่น้ำที่อยู่ในออนเซ็นนี่แทบไม่มีกลิ่นกัมมะถันเลย (เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายวิวจากด้านในออนเซ็นมา แต่ไปดูรูปจากเว็บไซต์ของโรงแรมได้เลย)

บริเวณนี้เป็นจุดที่อยู่ด้านข้างโรงแรม เป็นแหล่งกำเนิดออนเซ็นของโรงแรมนี้ครับ

หลังจากที่ผ่านการทำกิจกรรมด้านบนนี้ เช่น การเดินเขา เล่นสกี หรือเดินเที่ยวมาดูกำแพงน้ำแข็ง การได้มาแช่ออนเซ็นก่อนกลับก็เป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ ทำให้ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาแช่ออนเซ็นแบบรายวันกันมากมาย ทั้งจากคนที่พักโรงแรมอื่น และคนที่มาแบบมาเช้าเย็นกลับ

ค่าบริการ
1. ผู้ที่พักที่ค้างแรมที่นี่
– เข้าแช่ได้ 9.00-8.00 (หลังเช็คเอ้าท์ก็สามารถเข้ามาแช่ได้)
2. ผู้ที่ไม่ได้เข้าพักที่นี่
– เข้าแช่ได้ 9.00-16.00
– ค่าเข้าแช่ 800 เยน, เด็ก 600 เยน
—————————————
– ค่าเช่าผ้าเช็ดตัว 300 เยน
– ค่าเช่าผ้าเช็ดหน้า 300 เยน

—————————————
เว็บไซต์โรงแรม (ภาษาอังกฤษ) : http://www.mikuri.com/english/index.html
—————————————

ส่วนเราหลังจากที่ถ่ายรูปเล่นด้านนอกจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้วครับ ในตอนนี้อาหารเย็นจะมี 2รอบให้เลือก คือ 17.30-18.30 และ 19.00-20.00 โดยเราจะต้องเลือกในตอนที่มาเช็คอินเข้าที่พักครับ

หน้าตาอาหารเย็นในวันนี้ครับ อาหารจะเป็นชุดจัดมาไว้ให้แล้ว ส่วนข้าวและซุมิโสะตักเติมได้เอง

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาดูพระอาทิตย์ตกพอดีครับ

แสงวันนี้ดีมากกกกก แถมในตอนนี้ก็คือไม่เหลือนักท่องเที่ยวที่มาแบบวันเดียวแล้วด้วย จุดถ่ายรูปนี่เลือกกันได้ตามสบาย

ตอนเย็นนี้ข้างนอกอากาศประมาณ 8องศา เย็นสบาย~

หลังจากเดินหาจุดถ่ายพระอาทิตย์ตกไปเรื่อยๆ ที่คิดว่าดีที่สุดก็คิดว่าที่หน้าโรงแรมนี่แหละครับ ไม่ต้องไปที่ไหนไกล

จากนั้นเราก็มีเวลาว่างกันยาวๆก่อนที่ทางช้างเผือกจะออกมาให้เราให้เห็นกัน ก็กลับเข้ามารอกันข้างในที่พัก
ที่นี่มีทั้งหนังสือให้หยิบไปอ่าน รวมถึงไพ่และอูโน่ก็เอามาเล่นได้เช่นกัน (แต่ต้องไม่เสียดังรบกวนแขกคนอื่นๆนะ)

ห้องพักที่นี่มีทั้งแบบโฮสเทลนอนรวมกับคนอื่น (6-8 คน) และห้องแบบไพรเวท (2-4 คน)

ที่พักที่นี่ถือว่าทำออกมาดีมากๆครับ มีทั้งที่ชาร์จไฟ ห้องน้ำที่เพียงพอ แถมเป็นแบบ washlet ที่ชำระอัตโนมัติด้วย ดีกว่าหลายๆที่ที่เคยไปพักมา

ที่นี่มีของจาก mont・bell วางขายด้วย ใครขาดของอันไหนก็มาช้อปเพิ่มที่ที่นี่ได้เลยครับ

มีทุกอย่างจริงๆ ทั้งเสื้อยืด แจ็คเก็ต กางเกง ถุงมือ รองเท้า เสื้อซับใน ไม้เทรค …

ขนมของกินเล่นก็มีขายด้วย ถ้ากินข้าวเย็นไม่อิ่ม ก็มาซื้อของเพิ่มกันที่นี่ได้ ราคาบวกมาไม่โหดเท่าไหร่ พอรับได้ครับ

———————————

จากที่เช็คมาดวงจันทร์จะลับขอบฟ้าไปช่วงประมาณ 4 ทุ่ม และ ทางช้างเผือกก็จะโผล่พ้นจากภูเขาออกมาให้เราเห็นตั้งแต่ประมาณ 5ทุ่มเป็นต้นไป และนี่เป็นภาพที่ผมเก็บมาฝากเพื่อนๆครับ

เวลาประมาณ 4 ทุ่ม เริ่มเห็นโผล่พ้นออกมาจากภูเขานิดนึงแล้วครับ

จุดที่ถ่ายจะต้องเดินออกมาจากบริเวณที่พักเล็กน้อย ก็จะได้พื้นที่ที่ผมคิดว่าถ่ายได้สวยกว่าเพราะไม่ค่อยมีต้นไม้มาบังบริเวณด้านหน้า

รูปนี้เวลาประมาณ 5 ทุ่ม เริ่มเห็นหางช้างโผล่ทะลุภูเขาขึ้นมาเล็กน้อย

อากาศในคืนนี้อยู่ที่ประมาณ 0องศาครับ แถมไม่มีลมด้วยเลยไม่ได้รู้สึกว่าหนาวเท่าไหร่ ใส่เสื้อยืด 1ตัว คาร์ดิแกน1ตัว แล้วก็แจ็คเกต อีก1ตัว ก็อยุ่ข้างนอกได้ยาวๆแล้วครับ

ดาวไม่ขึ้น เราก็วาดเองก็ได้ สามารถใช้ไฟฉายจากเฮดไลท์หรือมือถือก็ได้นะครับ

พอพ้นเที่ยงคืนมา ก็ขึ้นมาให้เห็นชัดมาขึ้นแล้วครับ

ซูมกันชัดๆไปอีก 1 รูป

คิดว่าจะขึ้นมาตั้งเป็นทรงคันธนู ประมาณตี 2-3 ครับ แต่พรุ่งนี้ยังต้องเที่ยวกันต่อ เลยขอจบการถ่ายรูปทางช้างเผือกในวันนี้ไปตอนเกือบๆตี 1

และถ้าใครอยากที่จะเก็บภาพแสงเช้าก็จะต้องตื่นมาตั้งแต่ประมาณ ตี4 ครับ ซึ่งรอบนี้ไม่ตื่น ตื่นมาอีกทีก็ 6 โมงเช้าแล้วเลยไม่ได้ภาพมาฝากเพื่อนๆครับ

เวลาอาหารเช้าที่นี่จะเริ่มต้นตั้งแต่ 6.00-8.00 เป็นอาหารเบาๆสไตล์ญี่ปุ่น ปลาย่าง เบคอน เต้าหู้ สลัด ส่วน ข้าวกับซุปมิโสะ เติมเพิ่มได้ตลอดเหมือนตอนกลางคืน

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เช็คเอ้าท์และเดินทางกลับ ระหว่างทางเดินกลับก็ได้เจอกับเข้านกไรโชมายืนยืนพอยท์เท้า หันมองด้านข้างแบบเผลอๆ ให้คนรุมถ่ายภาพกันอยู่ เลยกดชัตเตอร์มาฝากเพื่อนๆอีก 1 รูป เป็นอันจบทริปนี้อย่างสมบูรณ์ครับ

—————————————

ข้อมูลเพิ่มเติม 


การเดินทาง

เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) : https://www.alpen-route.com/en/เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) : https://www.alpen-route.com/th/
เวลาเปิด-ปิด : 15 เมษายน – 30 พฤศจิกายน
วันหยุด : ปิดฤดูหนาว ตั้งแต่ ธันวาคม – เมษายน
ค่าบริการ : https://www.alpen-route.com/th/transport/fare.html ขึ้นอยู่กับว่าแพลนจะเป็นแบบไหน ไปกลับฝั่งเดียวกัน หรือว่าทะลุผ่านไปลงอีกด้านนึง
การเดินทาง : https://www.alpen-route.com/th/transport/opening.html

Google map : https://goo.gl/maps/zZLh3i8QDaZWds959

พูดคุย แลกเปลี่ยน เรื่องที่เที่ยวและของกินกับผม ได้ที่

IG : BEARCAT.K
HTTPS://WWW.INSTAGRAM.COM/BEARCAT.K/