9 สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้องหมาพันธุ์ชิบะ

สุนัขพันธ์ุชิบะหรือ “ชิบะอินุ” เป็นสุนัขพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่น่าเอ็นดูและเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก แต่อาจจะมีเรื่องเกี่ยวเจ้าชิบะอินุนี้ที่คุณอาจไม่เคยรู้ เรามาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างนะ

ถ้าพูดถึงน้องหมาพันธุ์ดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น หลายๆ คนคงจะนึกถึงสุนัขพันธุ์ “ชิบะ” หรือ “ชิบะอินุ” (柴犬 / คำว่า “อินุ” แปลว่า สุนัข) เป็นสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากจังหวัดชิบะ ภูมิภาคคันโตของญี่ปุ่น

น้องหมาชิบะนั้นมีความน่าเอ็นดู ฉลาด คล่องแคล่วปราดเปรียว แถมขี้เล่น จนเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน ทำให้มีคนนิยมเลี้ยงชิบะอินุทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ (ในประเทศไทยก็มีคนเลี้ยงพอสมควรเหมือนกันนะ)

คาดว่าคนไทยหลายๆคนน่าจะสนใจเจ้าหมาชิบะ ในครั้งนี้ ผู้เขียนจึงขอมาบอกเล่า 9 สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้องหมาชิบะกันค่ะ

1. เห็นหน้าตาน่ารักแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วเป็นสุนัขล่าสัตว์

This image has an empty alt attribute; its file name is shiba-inu01-1024x636.jpg

ว่ากันว่ามีประวัติการเลี้ยงและใช้ชิบะอินุในการล่าสัตว์มาตั้งแต่ยุคโจมง (縄文時代) หรือประมาณ 14,000 ปี – 300 ปี ก่อนคริสตกาล

คำว่า “ชิบะ” แปลว่า พุ่มไม้ ซึ่งมีที่มาจากการที่สุนัขพันธุ์นี้เดิมทีเลี้ยงไว้สำหรับล่าสัตว์เล็กอย่างนกหรือกระต่าย แต่บางครั้งก็ใช้ล่าสัตว์ใหญ่ เช่น หมูป่าหรือหมีบ้าง ทำให้เจ้าหมาชิบะจะต้องหลบซ่อนพรางตัวอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ชิบะอินุ” นั่นเอง

2. เป็น 1 ใน 6 สุนัขสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น

สมาคมอนุรักษ์สุนัขสายพันธุ์ญี่ปุ่น (日本犬保存会) ประกาศให้ชิบะอินุเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ดั้งเดิม อีกทั้งยังมีสุนัขอีก 5 สายพันธุ์ที่มีหน้าตาและลักษณะใกล้เคียงกับชิบะอินุ ได้แก่พันธุ์อาคิตะ(秋田犬) พันธุ์ฮอกไกโด(北海道犬) พันธุ์ชิโกะกุ(四国犬) พันธุ์คิชู(紀州犬) และพันธุ์ไค(甲斐犬) แต่ละพันธุ์หน้าตาเป็นอย่างไร ดูได้จากรูปด้านล่างได้เลยค่ะ (เรียงตามลำดับคือพันธุ์อาคิตะ ฮอกไกโด ชิโกะกุ คิชู และไค)

แม้ว่าทั้ง 6 สายพันธุ์นี้จะมีหน้าตาคล้ายๆ กัน จนบางทีดูเผินๆ อาจจะแยกแทบไม่ออก แต่ว่ากันว่าเจ้าชิบะอินุเป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่และเป็นที่นิยมที่สุดในบรรดา 6 สายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในญี่ปุ่น

3. น้องหมาชิบะเคยเกือบจะสูญพันธุ์แล้วนะ

ว่ากันว่าน้องหมาพันธุ์ชิบะทั่วโลกมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ประมาณปี ค.ศ.1939 – 1945) เนื่องจากในช่วงนั้นทรัพยากรอาหารขาดแคลน แถมมีโรคระบาดที่ลามไปถึงบรรดาสุนัขด้วย

ต่อมามีการพยายามรักษาสายพันธุ์ดั้งเดิมนี้เอาไว้ โดยการผสมข้ามสายพันธุ์ย่อยๆ 3 สายพันธุ์ของน้องหมาชิบะที่ยังเหลือรอดอยู่ในช่วงหลังสงครามโลก ทำให้เรายังสามารถเห็นน้องหมาชิบะอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้

4. มีสีขนแตกต่างกันถึง 4 สี

สุนัขชิบะสายพันธุ์ดั้งเดิมจะมีขนสีออกน้ำตาลแดง ซึ่งเป็นสีที่เราพบเห็นกันได้บ่อยที่สุด แต่จริงๆแล้วในสายพันธุ์ย่อยๆ เราสามารถพบเห็นน้องหมาชิบะขนสีอื่นๆ ที่แตกต่างกันได้ถึง 4 สี ได้แก่ น้ำตาลแดง ขาว ดำ และสีโกมะหรือสีงาดำ (ผสมระหว่างดำและน้ำตาล)

5. ได้ชื่อว่าเป็นหมา แต่นิสัยคล้ายแมว

นอกเหนือจากความน่ารักขี้เล่นและซื่อสัตย์แบบน้องหมา ชิบะอินุยังมีนิสัยบางอย่างคล้ายเจ้าเหมียวด้วย เพราะบางครั้งน้องหมาชิบะก็มีความรักสันโดษ ชอบปลีกตัวไปอยู่ตัวเดียวไม่ยุ่งกับใคร (มีเวลาที่เป็นสายติสต์บ้าง ว่างั้นเหอะ) หรือดื้อบ้างเป็นบางเวลา แบบนี้ผู้เขียนเดาว่าน้องหมาชิบะน่าจะเป็นมิตรและเข้ากับเจ้าเหมียวได้ไม่ยาก (ก็นิสัยคล้ายกันนี่เนอะ)

6. ชิบะอินุที่อายุยืนที่สุดมีอายุกว่า 26 ปี

“พูสึเกะ” ชิบะอินุที่อายุยืนที่สุดจนได้บันทึกใน Guinness World Records

น้องหมาชิบะที่อายุมากที่สุดในโลกจนได้รับการบันทึกไว้นสถิติโลกกินเนส (Guinness World Records) มีชื่อว่า “พูสึเกะ” (プースケ) เป็นสุนัขชิบะพันธุ์ผสม อยู่ที่จังหวัดโทชิงิ เจ้าของคือคุณชิโนะฮาระ ยูมิโกะ

น่าเสียดายที่เจ้าพูสึเกะได้จากโลกนี้ไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2011 ตอนนั้นพูสึเกะอายุได้ 26 ปี 8 เดือน โดยการเสียชีวิตของเจ้าชิบะอินุขวัญใจประชาชนตัวนี้ เป็นข่าวใหญ่ขนาดออกข่าวทางโทรทัศน์เลยทีเดียว

7. ได้รับการยอมรับเป็นสมบัติชาติญี่ปุ่น

ตามปกติแล้วกระทรวงการศึกษา วัฒนธรรม และการกีฬาของญี่ปุ่น จะมีการประกาศ “สมบัติประจำชาติญี่ปุ่น” ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ควรได้รับการอนุรักษ์ไว้ โดยส่วนใหญ่สิ่งที่จะเป็นสมบัติชาตินี้จะเป็นพวกวัด ปราสาท โบราณวัตถุ ศิลปะ วิธีการหรือเอกสารโบราณ แต่มีหมวดหมู่ย่อยในรายชื่อสมบัติชาตินี้คือ “Living National Treasure” (สมบัติชาติที่มีชีวิต) โดยชิบะอินุก็ได้รับการยอมรับให้อยู่ในหมวดนี้ด้วยตั้งแต่ปี ค.ศ.1936

8. มีแตกสายพันธุ์ย่อยมากมาย

ชิบะอินุที่มักพบเห็นบ่อยที่สุดคือพันธุ์ “ชินชู ชิบะ” (信州柴) ซึ่งได้รับการผสมพันธุ์ดั้งเดิมมาจากแถบจังหวัดนางาโนะ มีขนาดปานกลาง ดวงตากลมโต ขนฟูหนา และมีหางตวัดโค้งคล้ายตะขอ

สำหรับสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ อย่าง “ซันอิน ชิบะ”( 山陰柴) จะมีรูปร่างผอมเพรียวกว่า หางไม่ค่อยขดม้วน มักพบเห็นได้แถบจังหวัดทตโทริ ส่วน “มิโนะ ชิบะ” (美濃柴犬) จะมีสีออกน้ำตาลแดงเข้ม มักพบเห็นได้แถบจังหวัดกิฟุ เป็นต้น

9. สามารถหาดูบรรพบุรุษชิบะอินุได้ที่จังหวัดคานางาวะ

ปัจจุบันมีการขุดพบซากโครงกระดูกของชิบะอินุที่คาดว่าเคยมีชีวิตอยู่ในยุคโจมง ที่จังหวัดคานางาวะและจังหวัดไอจิ ซึ่งเชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษแรกเริ่มของสุนัขสายพันธุ์ “โจมง ชิบะ” (縄文柴) หนึ่งในสายพันธุ์ย่อยที่มีลักษณะใบหน้าเรียวยาวคล้ายสุนัขจิ้งจอก

ว่ากันว่าสายพันธุ์นี้ค่อนข้างหายากแล้ว มีเหลือเพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้นในญี่ปุ่น ซึ่งเราสามารถเห็นแบบจำลองของโจมงชิบะ และซากโครงกระดูกบรรพบุรุษชิบะอินุได้ที่ The Life Museum (麻布大学いのちの博物館) ซึ่งตั้งอยู่ใน Azabu Univerisity เมืองซากามิฮาระ จังหวัดคานางาวะ

หวังว่าบทความนี้จะถูกใจผู้ที่ชื่นชอบน้องหมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าชิบะอินุ สุนัขสัญชาติญี่ปุ่นที่แสนน่ารักน่าเอ็นดูนี้นะคะ ผู้เขียนเองในฐานะที่ชื่นชอบน้องหมาเช่นกัน (แม้ปัจจุบันจะไม่มีโอกาสได้เลี้ยงแล้ว) ก็คิดว่าสักวันอยากจะพาน้องหมาชิบะมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวเช่นกันค่ะ

อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพ: timeout, nihonken-hozonkai, national pure bred dog day, nicovideo

สามารถทักทายพูดคุยกับ MIZUNOHANA ได้ที่

“รีวิวอะไรก็ได้ ตามใจฉัน by Mizunohana”