Naked Man Festival เทศกาลทดสอบความแข็งแกร่งของเหล่าชายชาญ

เทศกาลเพื่อทดสอบความอดทนและแข็งแกร่งของชาวเมืองหิมะ จังหวัดนีงาตะ เป็นเทศกาลที่ว่ากันว่าได้รับการสืบทอดต่อเนื่องมากว่าพันปีแล้ว

Naked Man Festival หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ Hadaka Oshiai Festival 「裸押合い祭」 เป็นหนึ่งเทศกาลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆอันหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในช่วงประมาณสัปดาห์แรกของมีนาคม ที่เมืองมินามิอุโอนุมะ (南魚沼) จังหวัดนีงาตะ (新潟)

ด้วยความที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปอาศัยอยู่ที่เมืองนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปี เลยได้ไปร่วมเทศกาลนี้ทั้ง 2 ปีติดต่อกัน และพบว่าเป็นเทศกาลที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ และเป็นที่สนใจของชาวญี่ปุ่นในท้องถิ่น (รวมถึงนักท่องเที่ยว) เป็นอย่างมาก เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังกันค่ะ

ที่มาของเทศกาล Naked Man Festival

แม้ว่าจะไม่ได้มีหลักฐานแน่ชัดว่าเทศกาลนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีไหน แต่เค้าว่ากันว่า Naked Man Festival เกิดมากว่าพันปีแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์คือเพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้า บิชามอนเทน (毘沙門天) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งอัศวินและนักรบตามตำนานญี่ปุ่น

รูปปั้นเทพเจ้าบิชามอนเทน

สำหรับงานเทศกาลนี้ถือเป็นงานใหญ่ประจำเมือง ผู้จะเข้าร่วมขบวนแห่ตามประเพณีในศาลเจ้าจะต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น เนื่องจากต้องใช้พละกำลังและความอดทนค่อนข้างสูง

โดยช่วงเวลาก่อนวันเทศกาล จะมีรับสมัครชายผู้ที่ต้องการทดสอบความแข็งแรงและความอดทนโดยไม่จำกัดอายุหรือสัญชาติ

เนื่องจากในเดือนมีนาคมแม้ว่าบางจังหวัดจะเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิกันแล้ว แต่ที่เมืองมินามิอุโอนุมะยังมีอากาศหนาว และมีหิมะตกค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าช่วงที่ตกนานๆ ติดต่อกันหิมะจะทับถมจนสูงราวๆ 2-3 เมตร อีกทั้งอุณหภูมิในช่วงนั้นส่วนมากจะติดลบในช่วงกลางคืนเลยทีเดียว

เส้นทางสู่บททดสอบความแข็งแกร่ง

สำหรับชายผู้เข้าร่วมพิธีนี้ต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมด ใส่ได้แต่กางเกงผ้าขาวบางๆและรองเท้าแตะสานที่ทางเจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น ขณะเดินขบวนแห่จะต้องแบกเทียนขนาดยักษ์น้ำหนักราว 30 กิโลกรัม เขียนชื่อของแต่ละคนไว้ที่ตัวเทียน เข้าไปในวัดบิชามอนโด 「毘沙門堂」 สิ่งเดียวที่จะทำให้เหล่าชายชาญเหล่านี้ทำร่างกายให้พร้อมต้านความหนาวได้ คือก่อนพิธีจะเริ่ม ผู้เข้าร่วมทุกคนจะไปเก็บตัวกันและดื่มสาเกเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นก่อน

บริเวณบันไดทางเข้าวัด

เมื่อแบกเทียนเข้าไปในวัดแล้ว เหล่าชายชาตรีแต่ละคนต้องผ่านการโดดลงบ่อน้ำเล็กๆ ตรงทางเข้าเหมือนเป็นชำระล้างร่างกาย เมื่อเข้าไปบริเวณส่วนกลางของวัดแล้ว จะต้องผ่านการทดสอบต่อหน้าผู้เฝ้าประตูเพื่อจะได้มีสิทธิ์เข้าไปสักการะเทพเจ้าบิชามอนเทน ซึ่งการทดสอบที่ว่านี้คือการต้องผลักหรือดันกันเพื่อเข้าไปในจุดในสุดที่มีรูปปั้นของเทพบิชามอนเทนให้ได้ เป็นที่มาของชื่อเทศกาลตามภาษาญี่ปุ่นคือ Hadaka Oshiai Festival 「裸押合い祭り」เพราะคำว่า ฮาดาคะ 「裸」แปลว่า เปลือย และคำว่า โอชิ「押」 แปลว่าผลักนั่นเอง

บริเวณด้านในวัดที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน

สำหรับคนที่สามารถเข้าไปถึงจุดในสุดได้นั้น เชื่อกันว่าจะเป็นคนที่มีโชคลาภไปตลอดทั้งปี ส่วนในตอนท้ายสุดทุกคนจะนำเทียนที่มีชื่อตัวเองไปวางไว้ในลานของวัดเพื่อเป็นศิริมงคล

บนเทียนที่แบกเข้าวัด จะเขียนชื่อคนหรือร้านค้า บริษัทต่างๆ

สำหรับเทศกาลนี้ จริงๆแล้วมีช่วงเตรียมพร้อมก่อนงานพิธี 1 วัน โดยช่วงหัวค่ำจะมีการสวดมนต์เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่วันพิธีการจริง

สำหรับเช้าวันเทศกาลจะมีขบวนพาเหรดของเด็กๆ ชาวเมือง และอาจจะมีกิจกรรมอย่างอื่นอีกประปราย เช่น แจกข้าวศักสิทธิ์ให้ชาวเมือง เนื่องจากนีงาตะเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องข้าว อีกทั้งเป็นแหล่งปลูกข้าวสายพันธุ์โคะชิฮิคาริ 「コシヒカリ」ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีราคาแพงที่สุดพันธุ์หนึ่งเลยก็ว่าได้

เข้าช่วงบ่ายจะเริ่มมีร้านรวงมาตั้งเรียงราย ตั้งแต่ทางออกสถานีรถไฟไปจนถึงหน้าวัด (เหมือนงานวัดญี่ปุ่นที่เราเห็นการในอนิเมะหรือซีรีส์นั่นแหละค่ะ) พอตกกลางคืนก็จะเป็นขบวนแห่เทียนเข้าวัดตามที่เล่าไปข้างต้น

พอเริ่มบ่ายๆ ก็เริ่มมีร้านค้ามาจับจองพื้นที่กัน

ใครที่มีโอกาสแวะไปจังหวัดนีงาตะในช่วงนั้น ก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชม หาประสบการณ์แปลกใหม่ที่เทศกาล Naked Man Festival กันนะคะ

สำหรับการเดินทางก็ไม่ยากเลย นั่งรถไฟด่วนชินคันเซ็นมาจากโตเกียวมาไม่ถึง 2 ชั่วโมง หรือใครไปเที่ยวแถวๆ นั้นอยู่แล้วก็นั่งรถไฟสายท้องถิ่นแบบธรรมดาสายโจเอ็ตสึ (Joetsu line) มาลงที่สถานีอุราสะ 「浦佐」 ได้เลยค่ะ

บริเวณด้านหน้าสถานีอุราสะ

ขอทิ้งท้ายไว้สักนิดว่า จังหวัดนีงาตะแม้จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสำหรับคนไทยมากนัก แต่เป็นจังหวัดที่มีสเน่ห์และมีแหล่งท่องเที่ยวรวมถึงของกินอร่อยๆ อยู่เพียบ หากมีโอกาส ผู้เขียนจะมาแนะนำสิ่งที่น่าสนใจในจังหวัดนี้เพิ่มเติมนะคะ ^_^

สามารถทักทายพูดคุยกับ MIZUNOHANA ได้ที่

“รีวิวอะไรก็ได้ ตามใจฉัน by Mizunohana”