อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 จากที่โคะกะเนะซะกิ ฟุโระฟุชิ อนเซ็น (Koganezaki Furofushi Onsen) ที่เราเข้าพักตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ เช้านี้รีบตื่นตั้งแต่ 6 โมงเพื่อให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นขณะที่แช่อนเซ็นกลางแจ้งริมทะเลไปด้วย จากนั้นไปรับประทานบุฟเฟต์มื้อเช้าตุนพลังก่อนออกเดินทางต่อ ซึ่งแพลนของการเที่ยววันนี้จะเป็นสายลุย การแต่งตัวจึงค่อนข้างทะมัดทะแมงค่ะ
เทือกเขาชิราคามิซันจิ (Shirakami-sanchi Mountain Range)
กิจกรรมแรกในวันนี้คือการมาเยือนเทือกเขาชิราคามิซันจิ (Shirakami Sanchi) ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมระหว่างจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) และจังหวัดอาคิตะ (Akita) ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นที่แรกของญี่ปุ่น เมื่อธันวาคม ปี ค.ศ. 1993 เอกลักษณ์ของเทือกเขานี้ คือเป็นหนึ่งในผืนป่าต้นบีชโบราณที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลาย เช่น แกรนด์แคนย่อนแห่งญี่ปุ่น สิบสองทะเลสาบแห่งจูนิโคะ (Juniko Twelve Lakes) ซึ่งประกอบไปด้วยทะเลสาบ 33 แห่ง และบึงน้อยใหญ่
สำหรับการเดินป่า ที่นี่มีคอร์สเดินให้เลือก ตั้งแต่คอร์สสั้นๆ ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และคอร์สยาวตั้งแต่ 1 ชั่วโมงเป็นต้นไป หากต้องการไกด์นำทางสามารถจ้างไกด์ท้องถิ่นได้ เรานัดเจอกับไกด์ที่หน้าร้านขายของฝากเคียวโระโระ (Kyororo Forest Produce Center) หลังจากออกเดินทางเรามุ่งหน้าไปยังสระน้ำสีฟ้า ที่เรียกกันว่า “อะโออิเคะ” (Blue Pond) ซึ่งใช้เวลาเดินราวๆ 15 นาทีจากจุดเริ่มต้น จุดเด่นของสระน้ำนี้คือ น้ำจะมีสีออกไปทางโทนสีฟ้าใส มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 9 เมตร สิ่งที่สำคัญคืออุณหภูมิที่คงที่ตลอดปีอยู่ที่ 8.5 – 9 องศาเซลเซียส จึงทำให้พืชที่อยู่ใต้น้ำโดยเฉพาะขอนไม้ไม่เน่าเปื่อย อีกทั้งน้ำในสระก็ไม่แข็งเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ส่วนในฤดูร้อนหากโชคดี เพื่อนๆ จะสามารถเห็นฝูงลิงลงมาเล่นน้ำที่สระแห่งนี้ด้วยนะคะ
ระหว่างทางไกด์เล่าให้ฟังว่านอกจากลิงแล้ว ในป่าแห่งนี้ยังมีหมี ปลานิชิมะสึ (Rainbow Trout) นกหัวขวานดำ (Black Woodpecker) และนกอินทรีทอง (Golden Eagle) อีกด้วย ใช้เวลาอีกสักพักเราก็เดินมาถึง “วะกิสึโบะ” (Wakitsubo) ซึ่งเป็นสระที่เกิดจากบ่อน้ำผุดไหลมารวมกัน น้ำเป็นสีฟ้าเหมือนสระแรก แต่ตื้นกว่าเพราะลึกเพียง 3 เมตรเท่านั้น ไกด์บอกว่าหากมีเวลาสามารถแวะไปดื่มชาเขียว และขนมหวานได้ฟรีที่โรงน้ำชา ซึ่งน้ำต้มชาก็ได้มาจากบ่อน้ำผุดบนเทือกเขานี้นั่นเองค่ะ
คอร์สในการเดินครั้งนี้ : Hiking the “World Heritage Beech Forest Trail” (Spring/Summer/Autumn Program) คนละ 4,000 เยน เริ่มตั้งแต่ ช่วงปลายเมษายน เป็นต้นไป
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.experience-shirakami.com
พิกัดของเทือกเขาชิราคามิซันจิ : https://goo.gl/maps/QWmBJbSiudw7KSbT9
ข้าวหน้าปลาฮิราเมะดอง (Hirame-zuke don)
เราไปเดินป่ากันอย่างเพลิดเพลินแล้ว ถึงเวลามื้อเที่ยงพอดี ขอแวะเติมพลังที่ร้านโชคุจิ โดโคโระ ฮะมะยุ (Shokuji Dokoro Hamayu) ซึ่งร้านนี้อยู่ติดริมทะเลเลยค่ะ เนื่องจากจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ขนาบไปด้วยทะเลญี่ปุ่น และมหาสมุทรแปซิฟิก จึงอุดมไปด้วยวัตถุดิบขึ้นชื่อทางทะเลหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็น ปลาซาบะ ปลาทูน่า หอยเชลล์ และปลาฮิราเมะ (Hirame) หรือปลาตาเดียว ซึ่งถือว่าเป็นปลาประจำจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ซึ่งปลาฮิราเมะเองสามารถรับประทานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ซาชิมิ ซูชิ หรือ เมนูข้าวหน้าต่างๆ
แถมเมนูปลาฮิราเมะ (Hirame) ที่จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) นั้นมีวิธีการปรุงที่ต่างออกไป จนเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ นั่นก็คือ ข้าวหน้าปลาฮิราเมะดอง โดยเฉพาะปลาฮิราเมะของเมืองอะจิกะซาวะ (Ajigasawa) ซึ่งเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลญี่ปุ่น บริเวณที่มีน้ำจากเทือกเขาชิราคามิ (Mt. Shirakami) ไหลลงมาบรรจบ ทำให้เนื้อปลามีความอร่อยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม – มกราคมยิ่งห้ามพลาด เพราะเนื้อปลาจะมีรสชาติอร่อยที่สุด แอบกระซิบอีกนิดว่าปลาฮิราเมะนี้อุดมไปด้วยคอลลาเจน ผู้ที่รักสวยรักงามห้ามพลาดเด็ดขาดนะคะ
ในเมืองนี้มีร้านข้าวหน้าปลาฮิราเมะดอง รวมถึงร้านที่ขายเฉพาะเบนโตประมาณ 13 ร้านด้วยกัน ซึ่งแต่ละร้านก็มีสูตรลับเฉพาะของซอสที่แตกต่างกันออกไป เพื่อนๆ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมของแต่ละร้านได้จากเว็บไซต์ตามลิงค์ด้านล่าง หรือ สังเกตจากธงสีฟ้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของร้านที่จำหน่ายข้าวหน้าปลาฮิราเมะ ในเมืองอะจิกะซาวะ (Ajigasawa) แห่งนี้แล้วแวะเข้าร้านนั้นๆ ได้เลยค่ะ
เวลาเปิดทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.30 น.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.ajiiku.jp/category/detail02_30.html
พิกัดของร้านโชคุจิ โดโคโระ ฮะมะยุ : https://goo.gl/maps/BiP7q94iiDAWRxmM8
นาคะโนะ โมมิจิยามะ (Nakano Momijiyama)
เราออกเดินทางต่อไปยังเมืองคุโระอิชิ (Kuroishi) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) เพื่อไปชมอีกหนึ่งสถานที่ขึ้นชื่อเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคโทโฮคุเหนือ นั่นก็คือสวนนาคะโนะ โมมิจิยามะ (Nakano Momijiyama) ว่ากันว่าเป็นสวนเก่าแก่ของเมืองคุโระอิชิ (Kuroishi) มีมาตั้งแต่ค.ศ.1802 ที่นี่เปรียบได้กับลิตเติ้ล อะระชิยะมะ (Little Arashiyama) ที่จังหวัดเกียวโต (Kyoto) เพราะมีการนำต้นเมเปิ้ลมากกว่า 100 สายพันธุ์จากเกียวโตมาปลูก จึงทำให้วิวภูเขาที่นี่สวยเหมือนที่อะระชิยะมะ (Arashiyama) นอกจากต้นเมเปิ้ลแล้ว ยังมีต้นสนอายุ 600 กว่าปี อีกทั้งยังมีศาลเจ้านาคะโนะ (Nakano Shrine) ให้แวะสักการะอีกด้วยค่ะ สำหรับช่วงที่แนะนำสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีคือ ช่วงเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายนค่ะ
เวลาเปิดทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 16:00 น.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://kuroishi.or.jp/english/nakanomomijiyama-en
พิกัดของนาคะโนะ โมมิจิยามะ : https://goo.gl/maps/13SM2zm8ppKRh1i27
นั่งเรือ RIB ล่องทะเลสาบโทวะดะ (RIB Boat in Lake Towada)
ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดอาคิตะ (Akita) เรามาเยือนทะเลสาบโทวะดะ (Lake Towada) ในเมืองโทวะดะ (Towada) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮอนชู (Honshu) และมีความลึกเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น หลายท่านคงอยากจะล่องเรือชมทัศนียภาพรอบทะเลสาบนี้ ซึ่งจะมีเรือไว้คอยให้บริการมากมาย และมีความหลากหลาย แต่ทริปนี้ขอนำเสนอการนั่งเรือยางท้องแข็ง Rigid-hulled inflatable boat เรียกสั้นๆ ว่า RHIB หรือ RIB ของบริษัท GURILAND เป็นเรือที่พัฒนามาจากเรือยางเป่าลม ส่วนของท้องเรือทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรง เช่น พลาสติกเสริมแรงด้วยไฟเบอร์ จึงทำให้เรือมีน้ำหนักเบาสามารถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง อีกทั้งยังมีความทนทานต่อแรงกระแทกของคลื่นได้ดี และมีความปลอดภัยเป็นสำคัญ
เนื่องจากวันที่ไปฝนลงเม็ดเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ใส่ชุดกันฝนก่อนที่จะสวมเสื้อชูชีพตามปกติ ส่วนที่นั่งบนเรือลำนี้เป็นเก้าอี้แบบนั่งคร่อม ขณะที่เรือแล่นด้วยความเร็วสูง แนะนำให้จับราวตรงเก้าอี้ไว้ด้วย ถือเป็นอีกประสบการณ์ในการล่องเรือชมทะเลสาบที่น่าประทับใจ พูดได้คำเดียวว่าใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ห้ามพลาดกิจกรรมล่องเรือนี้อย่างเด็ดขาดเลยค่ะ
ค่าบริการ :
ผู้ใหญ่ 6,000 เยน (ยกเว้นรอบ 08:00, 09:00, 16:00, 17:00 ราคา 4,000 เยน)
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 2,000 เยน
เช่าเหมาลำ : สำหรับท่านที่ต้องการความเป็นส่วนตัว สามารถพาสัตว์เลี้ยงขึ้นได้ด้วย
ผู้โดยสาร 3 ท่าน 20,000 เยน
ผู้โดยสาร 4 – 6 ท่าน 30,000 เยน
ผู้โดยสาร 7 – 9 ท่าน 40,000 เยน
ผู้โดยสาร 10 – 12 ท่าน 50,000 เยน
(สำรองที่นั่งผ่านทางโทรศัพท์)
รอบบริการ : 08:00 – 17:00 น. เรือออกทุกๆ 1 ชั่วโมง
(*รอบ 08:00 น. และ 17:00 น. ต้องมีการจองล่วงหน้า และเรือจะออกก็ต่อเมื่อมีผู้โดยสารมากกว่า 10 คน)
ควรมาเตรียมตัวก่อนเวลาเรือออกจากท่า 20 นาที
สำหรับการล่องเรือใช้เวลา 50 นาที
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://guriland.jp/en/ribtour_en.html
พิกัดของจุดนั่งเรือ RIB ล่องทะเลสาบโทวะดะ : https://goo.gl/maps/VhjCNn49bVzFXq7J6
ยุเซะอนเซ็น (Yuze Hotel Resort)
จบทริปวันที่ 2 โดยเข้าพักที่ยุเซะ อนเซ็น (Yuze Onsen) ตั้งอยู่ที่เมืองคะซุโนะ (Kazuno) จังหวัดอาคิตะ (Akita) สำหรับคำว่า “ยุเซะ” นั้นเกิดจากการที่น้ำในอนเซ็นแถวนี้พุ่งออกมาจากสันดอนของดินกลางแม่น้ำ อีกทั้งยังเป็นแหล่งอนเซ็นที่มีปริมาณน้ำมาก และน้ำมีความอ่อนโยนต่อผิว เนื่องจากในน้ำอนเซ็นของที่นี่ มีค่า pH หรือความเป็นด่างสูงถึง 9.1 เลยทีเดียวค่ะ ถึงขนาดนิตยสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวตีพิมพ์ว่าเป็น 1 ใน 3 อนเซ็นแห่งความสวยงาม ว่ากันว่าสตรีท่านใดมาแช่ 2 – 3 ครั้ง จะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการตกแต่งภายในโรงแรมนี้ ก็เน้นใช้วัสดุที่ทำจากไม้เป็นหลักเพื่อให้ดูอบอุ่น และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติในคราวเดียวกัน
สำหรับอาหารทั้งมื้อเช้า และมื้อค่ำเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ ที่เน้นใช้วัตถุดิบที่ผลิตได้เองในท้องถิ่นนี้เป็นหลัก มีรสชาติเค็มนำซึ่งเป็นเอกลักษณ์การปรุงอาหารของภูมิภาคโทโฮคุ เมนูแนะนำคือหม้อไฟคิริทัมโปะ (Kiritanpo) อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดอาคิตะ (Akita) ว่ากันว่าต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ นอกจากนี้ยังมีฮะจิมันไตพอร์ค (Hachimantai Pork) หมูแบรนด์ท้องถิ่น และอีกหลากเมนูกว่า 35 ชนิด สำหรับใครที่เป็นสายเนื้อคงจะถูกใจ เพราะที่นี่มีเนื้อวากิวสันนอกของวัวญี่ปุ่นพันธุ์ขนดำ ที่ทั้งนุ่ม และอร่อย แถมยังละลายได้ในปากโดยไม่ต้องเคี้ยวเลยทีเดียว และหากต้องการความเป็นส่วนตัว สามารถเลือกรับประทานมื้อค่ำแบบอาหารคอร์สก็ได้เช่นกัน
สำหรับห้องพักนั้นมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ครั้งนี้เราเลือกพักห้องที่เพิ่งเปิดให้บริการหลังจากปรับปรุงใหม่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเป็นห้องที่มีอนเซ็นส่วนตัว พื้นที่ใช้สอยในห้องออกแบบให้เป็นแบบไร้ขอบเขต ไม่มีการเล่นระดับพื้น ส่วนประตูห้องน้ำกว้างพอที่ให้รถเข็นเข้าได้ สุดท้ายนี้ขอยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่เห็นถึงความใส่ใจของโรงแรม นั่นคือมีหมอนให้เลือกหลายชนิด ตามความชอบของลูกค้าที่มาพัก นับว่าเป็นความใส่ใจที่รู้สึกประทับใจมากๆ คงต้องกลับมาพักที่นี่อีกแน่ๆ เลยล่ะค่ะ
ราคา :
เข้าแช่น้ำแบบไม่ค้างคืน ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็กประถม 500 เยน เด็กอนุบาล 300 เยน
สำหรับเด็กอายุไม่ถึง 3 ขวบ ไม่เสียค่าบริการ
(วันเสาร์ – อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันที่ทางโรงแรมกำหนด ผู้ใหญ่ 1,500 เยน มีบริการผ้าเช็ดตัวและผ้าขนหนู)
ราคาที่พักขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการจอง กรุณาเช็คที่เว็บไซต์
เวลาเปิดทำการ :
เข้าแช่น้ำแบบไม่ค้างคืน 15.00 – 21.00 น. (ลงทะเบียนเข้าใช้ช้าสุด 20.00 น.)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.yuzehotel.jp
พิกัดของยุเซะอนเซ็น : https://goo.gl/maps/jcpiNhSH9bBjjkYU7
เดินไฮกิ้งที่ฮะจิมันไต (Nature Guide Station, Hachimantai Mountain Hotel)
เช้าวันที่3 ออกเดินทางต่อไปยังเมืองฮะจิมันไต (Hachimantai) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) กิจกรรมเช้านี้คือการเดินไฮกิ้ง โดยไปขอคำแนะนำจากไกด์สเตชั่นของทางโรงแรม Hachimantai Mountain Hotel เพื่อให้เขาแนะนำเส้นทางที่ตอบโจทย์เรามากที่สุด ทั้งนี้สามารถจ้างไกด์ได้อีกด้วย สำหรับฮาจิมันไตเป็นพื้นที่ภูเขาไฟที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) และ จังหวัดอาคิตะ (Akita)สำหรับท่านที่ชื่นชอบธรรมชาติที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่แนะนำ เพราะในแต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามทางธรรมชาติที่แตกต่างกัน เช่น ฤดูใบไม้ผลิ มีกำแพงหิมะ ที่สามารถพบเห็นบนถนน (Hachimantai Aspite Line) ความยาว 27 กม. ในฤดูร้อนจะมีปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า Dragon eye หรือ ดวงตามังกร ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนบึงคะงะมิ (Kagami Pond) ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สามารถเดินป่าชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ ส่วนฤดูหนาว ก็มีกิจกรรมเกี่ยวกับหิมะ เช่น สกี สโนวบอร์ด สโนว์ชูว์ และอีกมากมาย
สำหรับท่านที่ชื่นชอบธรรมชาติที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่แนะนำ เพราะในแต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามทางธรรมชาติที่แตกต่างกัน เช่น ฤดูใบไม้ผลิ มีกำแพงหิมะ ที่สามารถพบเห็นบนถนน (Hachimantai Aspite Line) ความยาว 27 กม. ในฤดูร้อนจะมีปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า Dragon eye หรือ ดวงตามังกร ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนบึงคะงะมิ (Kagami Pond) ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สามารถเดินป่าชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ ส่วนฤดูหนาว ก็มีกิจกรรมเกี่ยวกับหิมะ เช่น สกี สโนวบอร์ด สโนว์ชูว์ และอีกมากมาย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://hachimantai-mountainhotel.com/en/
พิกัดของจุดเดินไฮกิ้งที่ฮะจิมันไต : https://goo.gl/maps/2WnvEhVnFsYXWV7a8
ธารลาวายาเกะฮะชิริของภูเขาอิวาเตะ (Yakehashiri Lava flow)
หลังจากที่เดินไฮกิ้งเสร็จแล้ว นั่งรถไปอีกประมาณ 15 นาที เพื่อไปชมธารลาวาของภูเขาอิวาเตะ อยู่เมืองฮะจิมันไต (Hachimantai) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) เช่นเดียวกัน เป็นลานลาวาหินสีดำที่แผ่เป็นบริเวณกว้างกว่า 1.5 กิโลเมตร และ ยาวถึง 3 กิโลเมตร หากมาช่วงที่หิมะปกคลุม เพื่อนๆ อาจจะพบเห็นรอยเท้าของสัตว์ป่าต่างๆ เช่น กระรอก กระต่าย สุนัขจิ้งจอก และ แรคคูน (ทานูกิ) เป็นต้น
แม้จะผ่านมา 280 กว่าปีแล้ว แต่แทบจะไม่มีพืชเจริญเติบโตในบริเวณลาวาหินสีดำนี้เลย เราสามารถเดินชมบริเวณรอบๆ โดยมีทางเดินที่ยาวกว่า 1 กิโลเมตร ที่นี่ถือเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติ ดังนั้นเราไม่สามารถนำหินกลับไปเป็นที่ระลึกได้นะคะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://visitiwate.com/article/4703
พิกัดของธารลาวายาเกะฮะชิริของภูเขาอิวาเตะ : https://goo.gl/maps/zhbv8QNuesUuCcCW7
ฟาร์มโคอิวาอิ (Koiwai Farm Makibaen)
มื้อเที่ยงวันนี้เรามาที่ฟาร์มโคอิวาอิ (Koiwai Farm Makibaen) เป็นฟาร์มที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 130 ปี และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ตั้งอยู่ที่เมืองชิซุกุอิชิ (Shizukuishi) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ได้รับการยอมรับในฐานะฟาร์มผลิตนมวัว รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมสด และผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ เช่น เนย ชีส และโยเกิร์ต ขึ้นชื่อ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติของเนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อแกะที่เลี้ยงอยู่ในฟาร์มแห่งนี้ ที่มีความอร่อยมากๆ เช่นกัน
ฟาร์มโคอิวาอิ (Koiwai Farm Makibaen) มีขนาดกว้างขวางถึง 3,000 เฮคเตอร์ ถ้าพูดให้เห็นภาพมากขึ้นคือ มีขนาดประมาณโตเกียวดิสนีย์แลนด์ 35 เท่า จึงมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนั่งรถชมฟาร์ม ชมการแสดงของแกะ และสุนัขแสนรู้ กิจกรรมขี่ม้า เวิร์กช็อปทำชีส ทำงานคราฟท์ รวมไปถึงมีเครื่องเล่นทั้งสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีทุ่งดอกไม้สวยๆ ตามฤดูกาล และอีเว้นท์เกี่ยวกับดอกไม้ไฟในฤดูร้อน มีงานแสดงไฟอิลลูมิเนชั่นระยิบระยับสวยงามในฤดูหนาวอีกด้วย นับว่าเป็นสถานที่ที่ใครมาแล้ว ก็สามารถสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะถ้ามากับครอบครัวด้วยก็จะยิ่งประทับใจที่นี่มากขึ้นเป็นพิเศษ
ครั้งนี้เราแวะมาใช้บริการในส่วนร้านอาหารของฟาร์มที่มีชื่อว่าซันโระคุคัง (Sanroku Hall Farm Restaurant) เป็นภัตตาคารที่สามารถชมวิวสวยๆ ของภูเขาอิวาเตะ (Mt. Iwate) ที่อยู่เบื้องหลังได้ พร้อมทอดสายตาไปกับพื้นที่เปิดโล่งของมากิบะเอ็น (Makibaen) รวมไปถึงป่าอายุ 120 ปี สามารถอิ่มอร่อยไปกับเมนูปิ้งย่างต่างๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมูเจงกิสข่าน รวมไปถึงเมนูตะวันตกอย่าง สตูเนื้อ ออมเล็ตชีส เป็นต้น โดยมื้อเที่ยงนี้เราเลือกรับประทานเซ็ตเนื้อวัวเจงกิสข่านที่เลี้ยงในฟาร์มโคอิวาอิ ราคา 2,000 เยน และเซ็ตเนื้อหมูโทจูฉะ ราคา 1,500 เยนกันค่ะ
เพื่อนๆ รู้จักหมูโทจูฉะ (Tochucha Pork) กันไหมคะ โนได้ความรู้มาจากที่นี่ด้วยว่าเป็นหมูที่ถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ดี เหล่าเกษตรกรจะเลี้ยงน้องหมูเหล่านี้ในโรงเรือนกระจกหลากสีสันที่เชิงเขาอิวาเตะ พร้อมกับเปิดเพลงคลาสสิกของโมสาร์ทไปพร้อมกัน โดยจะให้น้องหมูอายุ 86 วัน -180 วัน หลังคลอดรับประทานอาหารที่ผสมผงชาโทจูฉะ ซึ่งเป็นชาที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ชานี้จะส่งผลให้เนื้อหมูมีความนุ่ม และอร่อย รวมทั้งมีคอลลาเจนสูง เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิว อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก รวมไปถึงช่วยลดความดันโลหิต และลดคอเลสเตอรอลอีกด้วยค่ะ
ค่าเข้าชม :
ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 400 เยน
เด็ก(ตั้งแต่ 5 ขวบ – นักเรียนประถมปีที่ 6) 150 เยน
หากมีอีเว้นท์ราคาจะแตกต่างจากด้านบน กรุณาเช็คที่เว็บไซต์
เวลาเปิดทำการ :
09:00 – 16:00 (ทั้งนี้เวลาเปิดทำการของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านในฟาร์มจะแตกต่างกัน
รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและอีเว้นท์ กรุณาเช็คที่เว็บไซต์)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.koiwai.co.jp/makiba/en
พิกัดของฟาร์มโคอิวาอิ : https://maps.app.goo.gl/CEiRrdSXCygp94VKA
ศาลเจ้าโกะซะโนะอิชิ (Gozanoishi Shrine)
สถานที่ที่แวะก่อนเข้าที่พักของวันนี้ คือ ศาลเจ้าโกะซะโนะอิชิ (Gozanoishi Shrine) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบทะซะวะ (Lake Tazawa) เมืองเซ็มโบะคุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ (Akita) สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1650 โดยขุนนางตระกูลซาดาเกะ เอกลักษณ์ของศาลเจ้าแห่งนี้คือเสาโทริอิสีแดงสดขนาดสูงใหญ่ริมทะเลสาบทะซะวะ (Lake Tazawa) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีความลึกมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยจุดที่ลึกที่สุดลึกถึง 423.4 เมตร จึงทำให้น้ำในทะเลสาบมีหลายเฉดสีตามความลึกนั่นเอง อีกทั้งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในร้อยอันดับวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่มีตำนานเล่าขานว่า มีหญิงสาวนามว่าทัตสึโกะ (Tatsuko) มาขอพรเรื่องความงาม ภายหลังเป็นเทพธิดาแห่งความงามสถิตอยู่ในศาลเจ้าแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของการสักการะขอพรเรื่องความงาม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.city.semboku.akita.jp/en/sightseeing/spot/04_goza-jinja.html
พิกัดของศาลเจ้าโกะซะโนะอิชิ : https://goo.gl/maps/mhQKmgBBqsXSskex7
ยามะโนะคะมิ อนเซ็น เบชโช เซริวคัง (Yamanokami Onsen Bessho Seiryukan)
ค่ำคืนนี้เข้าพักที่ยามะโนะคะมิ อนเซ็น(Yamanokami Onsen) เป็นแหล่งอนเซ็นที่อยู่ในเมืองฮานะมาคิ (Hanamaki) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) เนื่องจากน้ำอนเซ็นของที่นี่ มีค่า pH หรือความเป็นด่างสูงถึง 9.3 จึงทำให้ลักษณะของน้ำมีความหนืดเล็กน้อยคล้ายกับน้ำตบ มีฉายาว่า “บิจินโนะยุ” (Bijin no Yu) หรือ น้ำร้อนอนเซ็นแห่งความงาม เมื่อแช่แล้วจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นจนข้ามวันเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเหน็บชา รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ไหล่ยึด รอยฟกช้ำ และริ้วรอยต่างๆ เป็นต้น
เบชโชเซริวคัง(Bessho Seiryukan) แห่งนี้สร้างขึ้นโดยแยกจากโรงแรมยูคันเอ็น (Yuukaen) มีห้องพักทั้งหมด 20 ห้อง โดยออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น โดยห้องพักทุกห้องจะมีบริการบ่ออนเซ็นส่วนตัว ซึ่งตัวบ่อทำจากไม้ฮิบะ (Hiba) ที่มีกลิ่นหอม และออกแบบให้มีความลึกที่กำลังพอดี หากเปิดหน้าต่างออกไปจะพบกับภูมิทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม นอกจากอนเซ็นส่วนตัวที่ห้องแล้ว หากเพื่อนๆ อยากไปใช้อนเซ็นรวมก็มี “นาโงะมิ โนะ ยุ” (Nagomi no Yu) ให้บริการเช่นกัน โดยจะมีทั้งบ่ออนเซ็นในร่ม บ่ออนเซ็นกลางแจ้ง และห้องซาวน่าด้วยค่ะ
นอกจากจะประทับใจในส่วนของห้องพัก และอนเซ็นแล้ว เมนูอาหารที่มีไว้บริการของที่นี่มีความอลังการมากเช่นกัน แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งวัตถุดิบชั้นดี และการจัดแต่งจานที่สวยงาม โดยมื้อค่ำเป็นอาหารคอร์สสไตล์ญี่ปุ่นที่ค่อยๆ บรรจงเสิร์ฟออกมาเรื่อยๆ พร้อมทั้งความเซอร์ไพรส์ที่มาอย่างต่อเนื่อง
ราคา :
เข้าแช่น้ำแบบไม่ค้างคืน ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน ทารก 300 เยน
ราคาที่พักขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการจอง กรุณาเช็คที่เว็บไซต์
เวลาเปิดทำการ :
เข้าแช่น้ำแบบไม่ค้างคืน 10:00 – 20:00 น.
(ใช้บริการได้ถึง 21:00 น.)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.yuukaen.jp/nagomi/
พิกัดของยามะโนะคะมิ อนเซ็น เบชโช เซริวคัง : https://goo.gl/maps/sbcqEvzdTkusjGvFA
มื้อค่ำจัดหนักจัดเต็มขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามารอลุ้นกันนะคะว่ามื้อเช้าจะอลังการแค่ไหน
สำหรับค่ำคืนนี้ขอตัวไปแช่อนเซ็นส่วนตัวเสริมความผ่อนคลายก่อนนะคะ
สามารถดูทริป 5 วัน 4 คืน Road trip โทโฮคุตอนเหนือ ตอนที่ 1 ได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้ค่ะ
https://www.jpsimplelife.com/road-trip-of-tohoku-autumn/